วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

มัคควรรค:04.เรื่องสูกรเปรต



04.เรื่องสูกรเปรต

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน   ทรงปรารภสูกรเปรต  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  วาจานุรกฺขี  เป็นต้น

ครั้งหนึ่ง  พระมหาโมคคัลลานเถระ  เดินลงมาจากเขาคิชฌกูฏ   พร้อมด้วยพระลักขณเถระ  ได้แลเห็นเปรตที่ร่างเป็นมนุษย์แต่มีศีรษะเป็นสุกร  เมื่อเห็นเปรตตนนี้แล้ว  ท่านพระมหาโมคคัลลานะก็ได้ยิ้มออกมา   แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับพระลักขณะเถระ   เมื่อเข้าไปเฝ้าพระศาสดาแล้ว  ก็ได้นำเรื่องเปรตตนนี้มาทูลพระศาสดาให้ทรงทราบ  พระศาสดาตรัสว่าพระองค์ก็ได้ทอดพระเนตรเห็นเปรตตนนี้ที่ควงต้นโพธิ์เหมือนกันในช่วงที่ตรัสรู้ใหม่ๆ  แต่ก็ไม่ได้ตรัสบอกแก่ใครๆ  เพราะกลัวว่าผู้คนจะไม่เชื่อ และจะไม่บังเกิดผลดีอะไร  จากนั้นพระศาสดาได้นำเรื่องบุรพกรรมของเปรตตนนั้นมาทรงเล่าว่า

ในสมัยของพระกัสสปพุทธเจ้า  เปรตตนนี้เป็นภิกษุผู้สอนธรรม  มีอยู่คราวหนึ่ง  ได้มาที่วัดแห่งหนึ่ง  พบพระภิกษุ 2 รูปพักอยู่ด้วยกันในวัดแห่งนี้   หลังจากที่ได้มาพักอยู่ที่วัดนี้ไม่นาน  ก็พบว่ามีญาติโยมมาขึ้นท่านมาก ท่านจึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า   ท่านควรจะหาทางให้พระสองรูปที่อยู่มาแต่เดิมออกไปจากวัดเสีย  แล้วท่านจะได้อยู่ในวัดนี้เพียงรูปเดียว   ท่านจึงได้พยายามยุแหย่พระทั้งสองรูปนั้น   จนพระสองรูปเกิดทะเลาะกันและออกจากวัดนั้นไปคนละทิศละทาง  เพราะผลกรรมชั่วครั้งนั้น  ทำให้ท่านไปเกิดในอเวจีนรก  และด้วยเศษของกรรมนั้น  ท่านได้มาเกิดเป็นเปรตตนที่พระมหาโมคคัลานเถระเห็น  จากนั้น  พระศาสดาตรัสว่า  ภิกษุทั้งหลาย   ธรรมดาว่าภิกษุ  พึงเป็นผู้เข้าไปสงบด้วยกาย  วาจา และใจ

จากนั้น  พระศาสดาตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

วาจานุรกฺขี   มนสา  สุสํวุโต
กาเยน    อกุสลํ    กยิรา
เอเต  ตโย  กมฺมปเถ  วิโสธเย
อาราธเย  มคฺคํ  อิสิปฺปเวทิตํ ฯ

บุคคลผู้มีปกติรักษาวาจา  สำรวมดีแล้วด้วยใจ
และไม่ควรทำอกุศลด้วยกาย
พึงยังกรรมบถทั้ง 3 เหล่านี้ให้หมดจด
พึงยินดีทางที่ท่านผู้แสวงหาคุณประกาศแล้ว. 

เมื่อพระธรรมเทศฯจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น