05. เรื่องพระอานนทเถระ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในปราสาทของอุบาสิกาชื่อวิคารมารดา ทรงปรารภพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ทิวา
ตปติ อาทิจฺโจ เป็นต้น
ในวันมหาปวารณา เป็นวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ครบถ้วน ทรงถือถือสิ่งของทั้งหลายมีหองหอมเป็นต้น ได้เสด็จไปยังวัดพระเวฬุวัน ในขณะเดียวกันนั้น พระกาฬุทายี
ก็นั่งเข้าฌานอยู่ที่ท้ายพุทธบริษัท
มีร่างกายเปล่งปลั่งดั่งทองคำ
ในท่ามกลางของแสงจันทร์
พระอานนทเถระ
แลดูรัศมีของดวงอาทิตย์ซึ่งกำลังอัสดงคต
และของดวงจันทร์ซึ่งกำลังขึ้น
แล้วมองดูพระสรีโรภาสของพระราชา
สรีโรภาสของพระอุทายีเถระ
และพระสรีโรภาสของพระศาสดา
เห็นว่า
พระศาสดามีความไพโรจน์เกินรัศมีทั้งปวง
จึงถวายบังคมพระศาสดาแล้ว
กราบทูลว่า “ พระเจ้าข้า ในวันนี้
เมื่อข้าพระองค์ แลดูรัศมีเหล่านี้แล้ว
พระรัศมีของพระองค์เท่านั้นที่ข้าพระองค์ชอบใจ เพราะว่า
พระสรีระของพระองค์
ย่อมไพโรจน์ล่วงรัศมีทั้งปวง” พระศาสดาตรัสตอบว่า
“ อานนท์ ธรรมดาพระอาทิตย์ ย่อมรุ่งเรืองในกลางวัน พระจันทร์
ย่อมรุ่งเรืองในกลางคืน
พระราชา
ย่อมรุ่งเรืองในเวลาประดับเท่านั้น
พระขีณาสพ(ผู้สิ้นกิเลส)
ละความระคนด้วยหมู่แล้ว
ย่อมรุ่งเรืองในภายในสมาบัติเท่านั้น
ส่วนพระพุทธเจ้า ย่อมรุ่งเรืองด้วยเดช 5
อย่าง ทั้งในกลางคืนทั้งในกลางวัน”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
ทิวา
ตปติ อาทิจฺโจ
รตฺติมาภาติ
จนฺทิมา
สนฺนทฺโธ
ขตฺติโย ตปติ
ฌายี
ตปติ พฺราหฺมโณ
อถ
สพฺพมโหรตฺตึ
พุทฺโธ
ตปติ เตชสา ฯ
พระอาทิตย์
ย่อมส่องแสงในกลางวัน
พระจันทร์
ย่อมรุ่งเรืองในกลางคืน
กษัตริย์
ทรงเครื่องรบแล้ว ย่อมรุ่งเรือง
พราหมณ์ผู้มีความเพ่ง ย่อมรุ่งเรือง
ส่วนพระพุทธเจ้า ย่อมรุ่งเรืองด้วยเดช
ตลอดกลางวันและกลางคืน.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น