วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

พรหมณวรรค:05. เรื่องพระอานนทเถระ



05. เรื่องพระอานนทเถระ

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในปราสาทของอุบาสิกาชื่อวิคารมารดา  ทรงปรารภพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  ทิวา   ตปติ  อาทิจฺโจ  เป็นต้น

ในวันมหาปวารณา  เป็นวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง   พระเจ้าปเสนทิโกศล  ทรงประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ครบถ้วน  ทรงถือถือสิ่งของทั้งหลายมีหองหอมเป็นต้น  ได้เสด็จไปยังวัดพระเวฬุวัน  ในขณะเดียวกันนั้น  พระกาฬุทายี  ก็นั่งเข้าฌานอยู่ที่ท้ายพุทธบริษัท  มีร่างกายเปล่งปลั่งดั่งทองคำ  ในท่ามกลางของแสงจันทร์

พระอานนทเถระ   แลดูรัศมีของดวงอาทิตย์ซึ่งกำลังอัสดงคต  และของดวงจันทร์ซึ่งกำลังขึ้น  แล้วมองดูพระสรีโรภาสของพระราชา  สรีโรภาสของพระอุทายีเถระ  และพระสรีโรภาสของพระศาสดา  เห็นว่า  พระศาสดามีความไพโรจน์เกินรัศมีทั้งปวง  จึงถวายบังคมพระศาสดาแล้ว  กราบทูลว่า พระเจ้าข้า  ในวันนี้  เมื่อข้าพระองค์ แลดูรัศมีเหล่านี้แล้ว  พระรัศมีของพระองค์เท่านั้นที่ข้าพระองค์ชอบใจ  เพราะว่า  พระสรีระของพระองค์  ย่อมไพโรจน์ล่วงรัศมีทั้งปวง   พระศาสดาตรัสตอบว่า อานนท์  ธรรมดาพระอาทิตย์  ย่อมรุ่งเรืองในกลางวัน  พระจันทร์  ย่อมรุ่งเรืองในกลางคืน  พระราชา  ย่อมรุ่งเรืองในเวลาประดับเท่านั้น  พระขีณาสพ(ผู้สิ้นกิเลส)  ละความระคนด้วยหมู่แล้ว  ย่อมรุ่งเรืองในภายในสมาบัติเท่านั้น  ส่วนพระพุทธเจ้า ย่อมรุ่งเรืองด้วยเดช 5  อย่าง  ทั้งในกลางคืนทั้งในกลางวัน

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

ทิวา  ตปติ  อาทิจฺโจ
รตฺติมาภาติ  จนฺทิมา
สนฺนทฺโธ  ขตฺติโย  ตปติ
ฌายี  ตปติ พฺราหฺมโณ
อถ  สพฺพมโหรตฺตึ
พุทฺโธ  ตปติ  เตชสา ฯ

พระอาทิตย์  ย่อมส่องแสงในกลางวัน
พระจันทร์  ย่อมรุ่งเรืองในกลางคืน
กษัตริย์  ทรงเครื่องรบแล้ว ย่อมรุ่งเรือง
พราหมณ์ผู้มีความเพ่ง ย่อมรุ่งเรือง
ส่วนพระพุทธเจ้า  ย่อมรุ่งเรืองด้วยเดช
ตลอดกลางวันและกลางคืน.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   ชนเป็นอันมาก   บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น