วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

ธัมมัฏฐวรรค:07.เรื่องพราหมณ์คนใดคนหนึ่ง



07.เรื่องพราหมณ์คนใดคนหนึ่ง

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพราหมณ์คนใดคนหนึ่ง  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า    เตน  ภิกขุ  โส  โหติ  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง  พราหมณ์ผู้หนึ่ง  บวชในศาสนาอื่นที่มิใช่พุทธศาสนา  และเดินเที่ยวบิณฑบาต   วันหนึ่ง  พราหมณ์ผู้นี้คิดว่า  พระสมณโคดมประกาศว่า  ผู้ที่มีชีวิตจากการบิณฑบาตเรียกว่าภิกษุ  เมื่อเป็นเช่นนั้น  เราก็น่าจะถูกเรียกว่าภิกษุได้เหมือนกัน  เมื่อคิดดังนี้แล้ว  พราหมณ์ก็ได้ไปเฝ้าพระศาสดา  ทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ  แม้ข้าพเจ้าก็เที่ยวภิกษา  เลี้ยงชีพอยู่  พระองค์จงเรียกแม้ข้าพเจ้าว่าภิกษุ  พระศาสดาตรัสกับพราหมณ์นั้นว่า พราหมณ์  เราหาเรียกว่า ภิกษุ  เพราะอาการเพียงขอเขาไม่  เพราะผู้สมาทานธรรมอันเป็นพิษแล้วประพฤติอยู่  ย่อมเป็นผู้ชื่อว่าภิกษุหาได้ไม่  ส่วนผู้ใดเที่ยวไปด้วยพิจารณาสังขารทั้งปวง  ผู้นั้นชื่อว่าเป็นภิกษุ

จากนั้น  พระศาสดาตรัสพระธรรมบท  สองพระคาถานี้ว่า

  เตน  ภิกฺขุ  โส  โหติ
ยาวตา  ภิกฺขเต  ปเร
วิสํ  ธมฺมํ  สมาทาย
ภิกฺขุ  โหติ    ตาวตา ฯ

โยธ  ปุญฺญญฺเจ  ปาปญฺจ
วาเหตฺวา  พฺรหฺมจริยวา
สงฺขาย  โลเก  จรติ
  เว  ภิกฺขูติ  วุจฺจติ ฯ

บุคคลชื่อว่าเป็นภิกษุ
เพราะเหตุที่ขอกะคนพวกอื่นหามิได้
บุคคลสมาทานธรรมอันเป็นพิษ
ไม่ชื่อว่าภิกษุ  ด้วยเหตุเพียงเท่านั้น.

ผู้ใดในศาสนานี้
ลอยบาปและบุญได้แล้ว
ประพฤติพรหมจรรย์
รู้ธรรมในโลก  ด้วยการพิจารณาเที่ยวไป
ผู้นั้นแลเราเรียกว่า  ภิกษุ.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น