05.เรื่องสานุสามเณร
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภสามเณรชื่อสานุ
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า อิทํ ปุเร เป็นต้น
สานุสามเณร
บวชเป็นสามเณรตั้งแต่เด็ก
เมื่ออายุมากขึ้น
มีความต้องการจะสึกออกไปเป็นฆราวาส
จึงไปที่บ้านและขอเสื้อผ้าชุดฆราวาสที่จะสวมใส่จากโยมมารดา ข้างโยมมารดาไม่ต้องการให้สามเณรสึก
และได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้เห็นโทษของการเป็นฆราวาส แต่สามเณรยืนกรานว่าจะต้องสึกให้ได้
โยมมารดาจึงบอกว่าจะจัดเสื้อผ้าให้แต่สามเณรต้องฉันภัตตาหารให้เรียบร้อยเสียก่อน
ขณะโยมมารดากำลังตระเตรียมอาหารอยู่นั้นเอง นางยักษิณี
ซึ่งเคยเป็นมารดาของสานุสามเณรมาตั้งแต่อดีตชาติ
มีความคิดที่จะยับยั้งสามเณรไม่ให้สึกจึงเข้าสิงร่างของสามเณร ทำการบิดคอสามเณร จนตาสองข้างถลน น้ำลายไหลออกมาจากปาก ล้มลงที่พื้นดิน โยมมารดาออกจากครัวมาเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ รีบช้อนบุตรให้มานอนบนตัก
ส่วนพวกเพื่อนบ้านก็มาช่วยกันเซ่นสรวงบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เมื่อสามเณรฟื้นคืนสติมาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนางยักษิณีและโยมมารดาของสามเณรได้ช่วยกันเตือนสติสามเณรให้มองเห็นโทษในการครองเรือน เช่น
สอนว่าการเข้ามาบวชเป็นภิกษุหรือสามเณรนั้นก็เหมือนกับคนขึ้นมาจากเหวได้แล้ว
การสึกออกไปเป็นฆราวาสก็เหมือนกับตกลงไปในเหวอีก คนมาบวชนั้นก็เหมือนกับสิ่งของที่จะถูกไฟไหม้ แต่ถูกยกหนีออกจากไฟได้สำเร็จ
การสึกออกไปเป็นฆราวาสก็ไม่ผิดอะไรกับจะเอาสิ่งของนั้นไปใส่ให้ไฟไหม้อีกครั้งหนึ่ง
และหากสามเณรสึกออกไปเป็นฆราวาสแล้วก็จะไม่สามารถพ้นจากทุกข์ได้
ในที่สุดทั้งสองนางก็สามารถชี้ชวนสามเณรได้สำเร็จ สามเณรรับปากว่าจะไม่สึกออกไปเป็นฆราวาส
เมื่อโยมมารดาสอบถามอายุของสามเณรแล้วทราบว่าอายุครบบวชเป็นภิกษุได้แล้ว ก็ได้จัดแจงผ้าไตรจีวรและบาตร ให้เข้ารับการอุปสมบทเป็นภิกษุ
เมื่อได้รับการอุปสมบทเป็นภิกษุจากพระศาสดาแล้ว
พระศาสดาได้ตรัสสอนเรื่องการข่มจิตแก่ภิกษุสานุผู้บวชใหม่ว่า “ธรรมดาว่าจิตนี้ เที่ยวจาริกไปในอารมณ์ต่างๆตลอดกาลนาน ชื่อว่าความสวัสดี ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้ไม่ข่มจิตนั้นลงไปได้ เพราะฉะนั้น
บุคคลจึงควรทำความเพียรในการข่มจิต
เหมือนนายหัตถาจารย์ทำความพยายามในการข่มช้างซับมันด้วยขอฉะนั้น”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
พระคาถานี้ว่า
อิทํ
ปุเร จิตฺตมจาริ จาริกํ
เยนิจฺฉกํ
ยตฺถกมฺมํ ยถาสุขํ
ตทชฺชหํ
นิคฺคหิสฺสามิ โยนิโส
หตฺถึ
ปภินฺนํ วิย องฺกุสคฺคาโห ฯ
เมื่อก่อน
จิตนี้ได้เที่ยวจาริกไป
ตามอาการที่ปรารถนา ตามอารมณ์ที่ใคร่ และตามสบาย
วันนี้
เราจักข่มมันด้วยโยนิโสมนสิการ
ประหนึ่งนายควาญช้าง ข่มช้างที่ซับมันฉะนั้น.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง การตรัสรู้ธรรมได้มีแก่เทวดาเป็นอันมาก ผู้เข้าไปเพื่อสดับธรรมพร้อมกับพระสานุ
พระคัมภีร์กล่าวถึงประวัติของพระสานุรูปนี้ต่อไปว่า ท่านเล่าเรียนพระไตรปิฎก และได้เป็นพระธรรมกถึกที่เชี่ยวชาญ ได้เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ให้ขจรขยายไปทั่วชมพูทวีป
และได้ปริพพานเมื่อมีอายุได้ 120 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น