วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

นิรยวรรค:04. เรื่องบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ



04. เรื่องบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ   ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  จตฺตาริ  ฐานานิ  เป็นต้น
นายเขมกะ  นอกจากจะมีชาติตระกูลดี   ก็ยังเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ   เป็นที่ถูกตาต้องใจของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย   ซึ่งแต่อนงค์นางต่างยินยอมพร้อมใจพลีร่างมีเพศสัมพันธ์กับนายเขมะคนนี้ทั้งนั้น   นายเขมกะเองก็ชอบเรื่องแบบนี้ด้วย จึงได้ประกอบกิจกรรมที่เรียกว่า ปรทารกรรม”(เป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น) อยู่เป็นอาจิณ  พวกราชบุรุษเคยจับนายเขมะในข้อหาเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่นและนำตัวไปถวายเจ้าปเสนทิโกศลถึง 3 ครั้ง   แต่พระราชามีรับสั่งให้ปล่อยตัวไปทุกครั้ง  เพราะว่านายเขมะผู้นี้เป็นหลานของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี   เมื่อท่านเศรษฐีทราบเรื่อง ก็ได้นำตัวนายเขมกะเข้าเฝ้าพระศาสดา  และกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ขอพระองค์โปรดแสดงธรรมแก่นายเขมกะนี้

พระศาสดาทรงแสดง   สังเวคกถา  (คำที่ชวนให้เกิดความสลดใจ)  และเมื่อจะทรงแสดงโทษในการเสพภรรยาของคนอื่น  ได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

จตฺตาริ   ฐานานิ  นโร  ปมตฺโต
อาปชฺชตี  ปรทารูปเสวี
อปุญฺญลาภํ  นนิกามเสยฺยํ
นินทํ  ตติยํ  นิรยํ  จตุตฺถํ
อปุญฺญลาโภ    คตี     ปาปิกา
ภีตสฺส  ภีตาย  รตี     โถกิกา
ราชา จ  ทณฺฑํ  ครุกํ  ปเณติ
ตสฺมา  นโร  ปรทารํ  น เสเว.

นระผู้ประมาท  ชอบเสพภรรยาของคนอื่น
ย่อมถึงฐานะ  4  อย่าง คือ
การได้สิ่งที่มิใช่บุญ(เป็นที่ 1)
การนอนไม่ได้ตามความปรารถนา(เป็นที่2)
การนินทาเป็นที่ 3  นรกเป็นที่ 4
ได้สิ่งมิใช่บุญอย่าง 1
คติลามกอย่าง 1
ความยินดีของบุรุษผู้กลัว  กับด้วยหญิงผู้กลัว   มีประมาณน้อยอย่าง 1
พระราชาย่อมลงอาชญาอันหนักอย่าง 1
เพราะฉะนั้น  นระไม่ควรเสพภรรยาของคนอื่น.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  นายเขมกะ  บรรลุโสดาปัตติผล   ตั้งแต่นั้นมา  มหาชนนอนตาหลับ.
พระคัมภีร์ยังได้เล่าถึงบุรพกรรมของนายเขมะว่า  ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะนั้น  นายเขมะเป็นนักมวยที่เก่งที่สุด   และมีความเข้มแข็งมาก  ได้ยกธงทอง 2  แผ่นขึ้นไว้ที่สถูปทองคำของพระกัสสปพุทธเจ้า  แล้วตั้งความปรารถนาว่า เว้นหญิงที่เป็นญาติสาโลหิตเสีย  หญิงที่เหลือเห็นเราแล้วจงกำหนัด” (ฐเปตฺวา  ญาติสาโลหิติตฺถิโย  อวเสสา  มํ  ทิสฺวา  รชนฺติ ) เพราะฉะนั้น  เมื่อเขาไปเกิดในภพชาติใดก็ตาม   หญิงคนใดได้เห็นเขาแล้ว  หญิงคนนั้นก็จะเกิดความหลงใหลในความมีเสน่ห์ของเขา  จนคุมสติคุมอารมณ์อยู่มิได้

(หมายเหตุ  คำอธิษฐานของนายเขมกะที่เป็นภาษาบาลีว่า   ฐเปตฺวา  ญาติสาโลหิติตฺถิโย  อวเสสา  มํ  ทิสฺวา  รชนฺติ  (อ่านว่า  ถะเปดตะวา  ยาติสาโลหิติดถิโย  อะวะเสสา  มัง  ทิดสะหวา  ระชันติ)  นี้ได้กลายเป็นมนต์สร้างเสน่ห์วิเศษ  ที่พวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ต้องการสร้างเสน่ห์ให้แก่ตัวเองนำไปท่องบ่นภาวนา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น