04. เรื่องบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า จตฺตาริ ฐานานิ
เป็นต้น
นายเขมกะ
นอกจากจะมีชาติตระกูลดี
ก็ยังเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ
เป็นที่ถูกตาต้องใจของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย
ซึ่งแต่อนงค์นางต่างยินยอมพร้อมใจพลีร่างมีเพศสัมพันธ์กับนายเขมะคนนี้ทั้งนั้น นายเขมกะเองก็ชอบเรื่องแบบนี้ด้วย
จึงได้ประกอบกิจกรรมที่เรียกว่า “ปรทารกรรม”(เป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น)
อยู่เป็นอาจิณ
พวกราชบุรุษเคยจับนายเขมะในข้อหาเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่นและนำตัวไปถวายเจ้าปเสนทิโกศลถึง
3
ครั้ง
แต่พระราชามีรับสั่งให้ปล่อยตัวไปทุกครั้ง
เพราะว่านายเขมะผู้นี้เป็นหลานของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เมื่อท่านเศรษฐีทราบเรื่อง
ก็ได้นำตัวนายเขมกะเข้าเฝ้าพระศาสดา
และกราบทูลว่า “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์โปรดแสดงธรรมแก่นายเขมกะนี้”
พระศาสดาทรงแสดง สังเวคกถา
(คำที่ชวนให้เกิดความสลดใจ)
และเมื่อจะทรงแสดงโทษในการเสพภรรยาของคนอื่น ได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
จตฺตาริ
ฐานานิ นโร ปมตฺโต
อาปชฺชตี
ปรทารูปเสวี
อปุญฺญลาภํ
นนิกามเสยฺยํ
นินทํ
ตติยํ นิรยํ จตุตฺถํ
อปุญฺญลาโภ
จ คตี จ
ปาปิกา
ภีตสฺส
ภีตาย รตี จ
โถกิกา
ราชา จ
ทณฺฑํ ครุกํ ปเณติ
ตสฺมา
นโร ปรทารํ น เสเว.
นระผู้ประมาท
ชอบเสพภรรยาของคนอื่น
ย่อมถึงฐานะ
4 อย่าง คือ
การได้สิ่งที่มิใช่บุญ(เป็นที่ 1)
การนอนไม่ได้ตามความปรารถนา(เป็นที่2)
การนินทาเป็นที่ 3 นรกเป็นที่ 4
ได้สิ่งมิใช่บุญอย่าง 1
คติลามกอย่าง 1
ความยินดีของบุรุษผู้กลัว กับด้วยหญิงผู้กลัว มีประมาณน้อยอย่าง 1
พระราชาย่อมลงอาชญาอันหนักอย่าง 1
เพราะฉะนั้น
นระไม่ควรเสพภรรยาของคนอื่น.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง นายเขมกะ
บรรลุโสดาปัตติผล
ตั้งแต่นั้นมา มหาชนนอนตาหลับ.
พระคัมภีร์ยังได้เล่าถึงบุรพกรรมของนายเขมะว่า ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะนั้น นายเขมะเป็นนักมวยที่เก่งที่สุด และมีความเข้มแข็งมาก ได้ยกธงทอง 2
แผ่นขึ้นไว้ที่สถูปทองคำของพระกัสสปพุทธเจ้า แล้วตั้งความปรารถนาว่า “เว้นหญิงที่เป็นญาติสาโลหิตเสีย หญิงที่เหลือเห็นเราแล้วจงกำหนัด” (ฐเปตฺวา ญาติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา
มํ ทิสฺวา รชนฺติ ) เพราะฉะนั้น เมื่อเขาไปเกิดในภพชาติใดก็ตาม หญิงคนใดได้เห็นเขาแล้ว หญิงคนนั้นก็จะเกิดความหลงใหลในความมีเสน่ห์ของเขา จนคุมสติคุมอารมณ์อยู่มิได้
(หมายเหตุ คำอธิษฐานของนายเขมกะที่เป็นภาษาบาลีว่า ฐเปตฺวา
ญาติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา มํ
ทิสฺวา รชนฺติ (อ่านว่า
ถะเปดตะวา ยาติสาโลหิติดถิโย อะวะเสสา
มัง ทิดสะหวา ระชันติ)
นี้ได้กลายเป็นมนต์สร้างเสน่ห์วิเศษ
ที่พวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ต้องการสร้างเสน่ห์ให้แก่ตัวเองนำไปท่องบ่นภาวนา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น