10. เรื่องภิกษุมากรูป
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุมากรูป
ผู้ถึงพร้อมด้วยคุณมีศีลเป็นต้น
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า น สีลพฺพตมตฺเตน
เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง ในหมู่ภิกษุทั้งหลาย บางพวกมีศีลสมบูรณ์ บางพวกทรงไว้ซึ่งธุดงค์ บางพวกเป็นพหูสูต บางพวกอยู่ในเสนาสนะอันสงัด บางพวกได้ฌาน
บางพวกบรรลุอนาคามิผล
ภิกษุเหล่านี้ต่างคิดว่า
เมื่อพวกตนมีคุณสมบัติที่ดีอย่างนี้แล้วเช่นนี้ การที่พวกตนจะบรรลุพระอรหัตตผลนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ยากเลย อยู่มาวันหนึ่ง พระภิกษุเหล่านี้ได้เข้าไปเฝ้าพระศาสดา เมื่อถวายบังคมแล้ว พระศาสดาได้ตรัสถามว่า “ภิกษุทั้งหลาย กิจแห่งบรรพชิตของพวกเธอถึงที่สุดแล้วหรือหนอ” ภิกษุแต่ละพวกก็ได้กราบทูลรายงานถึงคุณธรรมที่พวกตนปฏิบัติหรือได้บรรลุแล้วนั้น และได้กราบทูลความมั่นใจของพวกตนด้วยว่า “เพราะฉะนั้น พวกข้าพระองค์จึงคิดว่า
พวกเราสามารถเพื่อบรรลุพระอรหัตในขณะที่ปรารถนาแล้วๆ นั่นเอง”
พระศาสดาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าภิกษุจะเห็นว่า ทุกข์ในภพของเราน้อย
ด้วยคุณสักว่าความเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์เป็นต้น หรือด้วยคุณสักว่าความสุขของพระอนาคามี ไม่สมควร
และยังไม่ถึงความสิ้นอาสวะ
ไม่พึงให้ความคิดเกิดขึ้นว่า
เราถึงสุขแล้ว “
จากนั้น
พระศาสดาจึงตรัสพระธรรมบท สองพระคาถานี้ว่า
น
สีลพฺพตมตฺเตน
พาหุสจฺเจน
วา ปน
อถวา
สมาธิลาเภน
วิวิตฺตสยเนน
วา ฯ
ผุสามิ เนกฺขมฺมสุขํ
อปุถุชฺชนเสวิตํ
ภิกฺขุ
วิสฺสาสมาปาทิ
อปฺปตฺโต
อาสวกฺขยํ ฯ
ภิกษุยังไม่ถึงอาสวักขัย
อย่าเพิ่งถึงความวางใจ
ด้วยเหตุสักว่าศีลและวัตร
ด้วยความเป็นพหูสูต
ด้วยอันได้สมาธิ
ด้วยอันนอนในที่สงัด
หรือด้วยเหตุเพียงรู้ว่า
เราถูกต้องสุขในเนกขัมมะ
ซึ่งปุถุชนเสพไม่ได้แล้ว.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ภิกษุเหล่านั้น บรรลุพระอรหัตตผล พระธรรมเทศนา
มีประโยชน์
แม้แก่บุคคลผู้มาประชุมกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น