05. เรื่องภิกษุคบภิกษุผู้เป็นฝักฝ่ายผิดรูปใดรูปหนึ่ง
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน
ทรงปรารภภิกษุผู้คบภิกษุผู้เป็นฝักฝ่ายผิดรูปใดรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า สลาภํ
นาติมญฺเญยฺย เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง ภิกษุรูปหนึ่ง
รับคำเชิญจากภิกษุที่เป็นพวกเดียวกับพระเทวทัต ให้ไปพักด้วย และได้พักอยู่ที่นั่น 2-3
วัน หลังจากกลับมาอยู่วัดเดิมแล้ว
ภิกษุอื่นๆได้นำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูลพระศาสดาว่า ภิกษุรูปนี้ไปสมาคมกับภิกษุที่เป็นพวกของพระเทวทัต ถึงขนาดไปพักอยู่ที่วัดของพระเทวทัตเป็นเวลา 2-3 วัน
ไปฉัน
ไปจำวัตรกับภิกษุพวกนั้นด้วย
พระศาสดามีรับสั่งให้ภิกษุนั้นมาเฝ้า
ทูลถามว่าเป็นจริงอย่างที่ภิกษุทั้งหลายกล่าวหาหรือไม่
ภิกษุนั้นกราบทูลว่าได้ไปพักที่วัดแห่งนั้นเป็นเวลา 2-3 วันจริง
แต่ไม่ได้ยินดีคำสอนในลัทธิของพระเทวทัต
พระศาสดาได้ทรงตำหนิภิกษุนั้น
และได้ทรงชี้ว่าพฤติกรรมเช่นนั้นส่อไปในทางที่จะทำให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นศิษย์ของพระเทวทัต และตรัสว่า
“แม้เธอจะไม่ชอบใจลัทธิคำสอนของพระเทวทัตก็จริง แต่การที่เธอไปที่นั่นส่อแสดงว่าเธอเป็นสาวกของพระเทวทัต”
และได้ทรงนำเรื่องในมหิฬามุขชาดกมาเล่า แล้วตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาภิกษุ
พึงเป็นผู้ยินดีด้วยลาภของตนเท่านั้น
การปรารถนาลาภของคนอื่นไม่สมควร
เพราะบรรดาฌาน วิปัสสนา มรรค
และ ผลทั้งหลาย แม้ธรรมสักอย่างหนึ่ง
ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ปรารถนาลาภของผู้อื่น แต่คุณชาติทั้งหลายมีฌานเป็นต้น
ย่อมเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ยินดีด้วยลาภของตนเท่านั้น”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท สองพระคาถานี้ว่า
สลาภํ
นาติมญเญยฺย
นาญฺเญสํ
ปิหยํ จเร
อญฺเญสํ
ปิหยํ ภิกฺขุ
สมาธึ
นาธิคจฺฉติ ฯ
อปฺปลาโภปิ
เจ ภิกขุ
สลาภํ
นาติมญฺญติ
ตํ เว เทวา
ปสํสนฺติ
สุทธาชีวํ
อตนฺทิตํ ฯ
ภิกษุไม่ควรดูหมิ่นลาภของตน
ไม่ควรเที่ยวปรารถนาลาภของผู้อื่น
ภิกษุเมื่อปรารถนาลาภของผู้อื่น
ย่อมไม่ประสบสมาธิ.
ถ้าภิกษุแม้เป็นผู้มีลาภน้อย
ก็ไม่ดูหมิ่นลาภของตน
เทวดาทั้งหลาย
ย่อมสรรเสริญภิกษุนั้นแล
ว่าผู้มีอาชีพหมดจด ไม่เกียจคร้าน.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุอริยผลทั้งหลาย
มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น