วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558

พราหมณวรรค:23.เรื่องสามเณร



23.เรื่องสามเณร

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภสามเณรทั้งหลาย  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  อวิรุทฺธํ  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง  นางพราหมณีคนหนึ่ง  ได้มอบหมายให้พราหมณ์ผู้สามีไปที่วัดพระเชตวัน  เพื่อทำการนิมนต์พระภิกษุ 4 รูปมารับอาหารบิณฑบาตที่บ้าน   นางบอกถึงคุณสมบัติว่าพระที่จะนิมนต์มานั้นต้องเป็น พราหมณ์แก่ 4 คน  เมื่อพราหมณ์ไปที่วัดและแจ้งความประสงค์ว่าต้องการพราหมณ์แก่ 4 คนไปรับอาหารบิณฑบาตที่บ้านตามที่นางพราหมณีต้องการ   แต่เวลาจัดให้จริงๆ  กลับเป็นว่าผู้ที่ถูกส่งไปที่บ้านของพราหมณ์และนางพราหมณ์เป็นสามเณรน้อยอายุ   7 ขวบจำนวน  4  รูป  คือ 1.สังกิจจสามเณร  2.บัณฑิตสามเณร  3.โสปากสามเณร 4. และเรวตสามเณร  ซึ่งสามเณรน้อยทั้ง 4 รูปนี้ล้วนแล้วแต่เป็นพระอรหันต์

เมื่อนางพราหมณีผู้ภรรยาเห็นเป็นสามเณรแทนที่จะเป็นพราหมณแก่  นางก็รู้สึกผิดหวังได้ต่อว่าต่อขานพราหมณ์ผู้สามีว่าไปนิมนต์สามเณรที่มีอายุอ่อนกว่าเด็กคราวหลานมาได้อย่างไร  นางจึงบอกสามีให้กลับไปที่วัดใหม่เพื่อนิมนต์พราหมณ์มาแทนสามเณรน้อย 4 รูปนี้  ในขณะเดียวกันนั้น  นางก็ปฏิเสธที่จะให้สามเณรนั่งบนอาสนะสูงๆที่นางจัดไว้สำหรับพราหมณ์ชรา  ได้ให้สามเณรทั้ง 4 รูปนั่งบนอาสนะที่ต่ำๆและก็ไม่ยอมถวายอาหารบิณฑบาตแก่สามเณรเหล่านี้ด้วย

เมื่อพราหมณ์นั้นกลับไปที่วัด  ก็ได้พบกับพระสารีบุตรเถระและได้นิมนต์พระเถระไปที่บ้าน  เมื่อพระเถระเดินทางไปถึงที่บ้านแล้ว  ก็ได้เห็นสามเณรขีณาสพทั้ง 4  รูป ท่านจึงได้ถามสามเณรขีณาสพเหล่านั้นว่า ได้ฉันอาหารบิณฑบาตแล้วหรือยัง  เมื่อได้ทราบว่าสามเณรขีณาสพยังไม่ได้ฉันอาหารบิณฑบาตและอาหารบิณฑบาตเหล่านั้นตระเตรียมไว้สำหรับเพียงพอบุคคล 4 คนเท่านั้น  พระเถระก็ได้กลับวัดโดยที่ไม่รับอาหารบิณฑบาตจากบ้านของพราหมณ์  นางพราหมณ์จึงได้ส่งพราหมณ์ผู้สามีกลับไปที่วัดเพื่อนิมนต์พราหมณ์ชราคนอื่นมา  คราวนี้ไปได้พระมหาโมคคัลลานเถระมา  พระมหาโมคคัลลานเถระเมื่อมาถึงแล้วก็กลับวัดไปอีกรูปหนึ่งเมื่อรู้ว่าสามเณรทั้ง 4  รูปยังไม่ได้ฉันภัตตาหาร  และอาหารตระเตรียมไว้สำหรับคน 4 คนเท่านั้น

พอถึงช่วงนี้  สามเณรทั้ง 4 รูป ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้า  ก็มีความรู้สึกหิวขึ้นมามาก  และในขณะนั้น  ทิพอาสน์ของท้าวสักกะเทวราชแสดงอาการร้อน  ท้าวเธอได้สอดส่องทิพยเนตรมาดู  ได้ทรงทราบว่าสามเณรทั้ง 4 รูปกำลังหิวโหยอาหาร  จึงทรงแปลงร่างเป็นพราหมณ์ชรามาที่บ้านของพราหมณ์และนางพราหมณีนั้น   พราหมณ์และนางพราหมณีก็ได้เข้าไปไหว้พราหมณ์ชรานั้นและได้เชิญให้ขึ้นนั่งบนอาสนะที่สูงๆ  แต่ท้าวสักกะแปลงร่างนั้นกลับนั่งลงที่พื้นบ้านและได้ก้มลงทำความเคารพสามเณรทั้ง 4 รูป  จากนั้นท้าวเธอก็ยังได้ทรงเปิดเผยพระองค์ว่าเป็นท้าวสักกะแปลงร่างมา เมื่อเห็นท้าวสักกะทำความเคารพสามเณรทั้ง 4 รูป  พราหมณ์และนางพราหมณีก็จึงยอมนำอาหารไปถวายสามเณรทั้ง 4 รูป  หลังจากเสร็จภัตตกิจแล้ว  ท้าวสักกะและสามเณรทั้ง 4 รูปได้แสดงอิทธิฤทธิ์  เหาะทะลุผ่านทางหลังคาสู่อากาศ  โดยท้าวสักกะเหาะขึ้นสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์  ส่วนสามเณรทั้ง 4 รูปก็เหาะกลับวัดพระเชตวัน

เมื่อภิกษุทั้งหลายสอบถามสามเณรทั้ง 4 รูปว่ามีความโกรธหรือไม่เมื่อตอนที่พราหมณ์และนางพราหมณียังไม่ยอมถวายอาหารบิณฑบาต  สามเณรทั้ง 4 รูปตอบว่าไม่โกรธ  ภิกษุเหล่านั้นไม่เชื่อ  และได้นำเรื่องขึ้นกราบบังคมทูลพระศาสดาว่า  สามเณรทั้ง 4 รูปโกหกและอวดอ้างตนว่าเป็นอรหันต์

พระศาสดา  ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย  ธรรมดาพระขีณาสพทั้งหลาย  ย่อมไม่เคียดแค้น  ในชนทั้งหลาย  แม้ผู้เคียดแค้นแล้วเลย

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

อวิรุทฺธํ  วิรุทฺเธสุ
อตฺตทณฺเฑสุ  นิพฺพุตํ
สาทาเนสุ  อนาทานํ
ตมหํ  พฺรูมิ  พฺราหฺมณํ ฯ

เราย่อมเรียก บุคคลผู้ไม่เคียดแค้น
ในบุคคลผู้เคียดแค้น
ผู้ดับเสียได้ในบุคคลผู้มีอาชญาในตน
ผู้ไม่ถือมั่นในบุคคลผู้ถือมั่น  นั้น
ว่า  เป็นพราหมณ์.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น