วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

มลวรรค:08.เรื่องภิกษุหนุ่มชื่อติสสะ



08.เรื่องภิกษุหนุ่มชื่อติสสะ

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพระภิกษุหนุ่มชื่อติสสะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  ททาติ  เว  ยถาสทฺธํ   เป็นต้น

ภิกษุหนุ่มชื่อติสสะ  มีนิสัยชอบตำหนิทานและการกระทำความดีของผู้อื่น   ท่านตำหนิแม้กระทั่งอริยสาวกกผู้ทานบดี อย่างเช่น  อนาถบิณฑิกเศรษฐี  นางวิสาขามหาอุบาสิกา    และแม้กระทั่งอสทิสทานที่ถวายโดยพระเจ้าปเสนทิโกศล  นอกจากนั้นแล้ว  พระหนุ่มรูปนี้ก็ยังโอ้อวดว่าพวกญาติๆของท่านมีฐานะดีและมีใจบุญสุนทร์ทาน  เมื่อภิกษุอื่นๆได้ยินคำโอ้อวดของพระติสสะ  ก็เกิดความสงสัยในข้อเท็จจริง  จึงตัดสินใจที่จะไปพิสูจน์หาความจริง

พวกภิกษุหนุ่มกลุ่มหนึ่ง  ได้เดินทางไปพิสูจน์และสอบสวนที่หมู่บ้านของพระติสสะ  ก็ได้พบว่าครอบครัวของพระติสสะเป็นครอบครัวยากจน  เป็นแค่บุตรของยามรักษาการ  ไม่มีบ้านอยู่เป็นหลักฐาน  ก่อนบวชตระเวนไปกับพวกช่างไม้แล้วไปบวช 

เมื่อภิกษุทั้งหลาย   กราบทูลพระศาสดาให้ทรงทราบในเรื่องนี้   พระศาสดาตรัสว่า   ภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุชื่อว่าติสสะนั้น  ย่อมเที่ยวโอ้อวด  ในบัดนี้เท่านั้นหามิได้  แม้ในกาลก่อน  เธอก็ได้เป็นผู้โอ้อวดแล้ว  จากนั้นได้ทรงนำอดีตชาติของพระติสสะในกฏาหกชาดกมาเล่า  แล้วตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย  ก็บุคคลใด  เมื่อชนเหล่าอื่นให้ซึ่งวัตถุน้อยก็ตาม  มากก็ตาม  เศร้าหมองก็ตาม  ประณีตก็ตาม  หรือให้วัตถุแก่ชนเหล่าอื่น  แต่ไม่ให้แก่ตน  ย่อมเป็นผู้เก้อเขิน  ฌานก็ดี  วิปัสสนาก็ดี  มรรคและผลก็ดี  ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่บุคคลนั้น   

จากนั้น  ได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

ททาติ  เว  ยถาสทฺธํ
ยถาปสาทนํ  ชโน
ตตฺถ  โย  มงฺกุโต  โหติ
ปเรสํ  ปานโภชเน
  โส  ทิวา  วา  รตฺตึ วา
สมาธึ  อธิคจฺฉติ 

ยสฺส  เจตํ  สมุจฺฉินฺนํ
มูลฆจฺฉํ  สมูหตํ
  เว  ทิวา  วา  รตฺตึ  วา
สมาธึ  อธิคจฺฉติ 

ชนย่อมให้ทานตามศรัทธา
ตามความเลื่อมใสแล 
ชนใด  ย่อมเป็นผู้เก้อเขิน
ในเพราะน้ำและข้าวของชนเหล่าอื่นนั้น
ชนนั้นย่อมไม่บรรลุสมาธิในกลางวันหรือในกลางคืน.

ก็กุศลกรรมอันบุคคลใดตัดขาดแล้ว
ถอนขึ้นทำให้มีรากขาดแล้ว
บุคคลนั้นแล  ย่อมบรรลุสมาธิ
ในกลางวันหรือในกลางคืน.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น