04.เรื่องพระลกุณฏกภัททยเถระ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตะวัน
ทรงปรารภพระลกุณฏกภัททิยเถระ
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า มาตรํ ปิตรํ
หนฺตวา เป็นต้น
วันหนึ่ง
ภิกษุอาคันตุกะหลายรูปด้วยกัน
เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ซึ่งประทับนั่ง
ณ ที่ประทับกลางวัน ถวายบังคมแล้ว
นั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ขณะนั้น
พระลกุณฏกภัททิยเถระเดินผ่านไปในที่ไม่ไกลจากพระศาสดา
พระศาสดา
ทรงทราบวารจิต(คือความคิด)
ของภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเห็นหรือไม่ ?
ภิกษุนี้ฆ่ามารดาบิดาแล้ว เป็นผู้ไม่มีทุกข์ ไปอยู่ ?” เมื่อภิกษุเหล่านั้นมองดูหน้ากันและกัน เกิดความสงสัยว่า “พระศาสดา
ตรัสอะไรอย่างนี้ ?” พระศาสดาทรงทราบวารจิต จึงตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
มาตรํ
ปิตรํ หนฺตฺวา
ราชาโน
เทฺว จ ขตฺติเย
รฏฺฐํ
สานุจรํ หนฺตฺวา
อนีโฆ
ยาติ พฺราหฺมโณ ฯ
มาตรํ
ปิตรํ หนฺตฺวา
ราชาโน
เทฺว จ โสตฺถิเย
เวยยคฺฆปญฺจมํ
หนฺตฺวา
อนีโฆ
ยาติ พฺราหฺมโณ ฯ
บุคคลฆ่ามารดาบิดา
ฆ่าพระราชาผู้กษัตริย์ 2
พระองค์
และฆ่าแว่นแคว้นพร้อมด้วยเจ้าพนักงาน
เก็บส่วยแล้ว
เป็นพราหมณ์
ไม่มีทุกข์
ไปอยู่.
บุคคลฆ่ามารดาบิดา
ฆ่าพระราชาผู้เป็นพราหมณ์ทั้ง 2
ได้แล้ว
และฆ่าหมวด 4 แห่งนิวรณ์มิวิจิกิจฉานิวรณ์
เช่นกับหนทางที่เสือโคร่งเที่ยวไปที่ 5
แล้ว
เป็นพราหมณ์ ไม่มีทุกข์ ไปอยู่.
หมายเหตุ
ในพระธรรมบท สองพระคาถานี้
พระศาสดาหมายถึงอริยบุคคลผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ซึ่งได้กำจัด ตัณหา อัสมิมานะ
ทิฏฐิ อายตนะ 12
ที่ตรัสเช่นนั้นเป็นการใช้คำเชิงเปรียบเทียบ คำว่า
“มารดา”
และ “บิดา”
ทรงใช้หมายถึง ตัณหา และอัสมิมานะ ตามลำดับ ส่วนสัสสสทิฏฐิ และ อุจเฉททิฏฐินั้น ทรงเปรียบว่าเหมือนกษัตริย์ 2 พระองค์
ความกำหนัดด้วยความยินดี
ซึ่งอาศัยอายตนะ 12 นั้น
เป็นดุจคนเก็บส่วย ส่วนอายตนะภายใน
6
และอายนตะภายนอก 6 รวมเป็นอายตนะ 12
นั้น เปรียบกับ แว่นแคว้น
เพราะมีความกว้างขวาง
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ภิกษุเหล่านั้น บรรลุอรหัตตผลแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น