02.เรื่องภิกษุผู้เคยเป็นควาญช้าง
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง
ผู้เคยเป็นนายหัตถาจารย์(ควาญช้าง)
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า น หิ
เอเตหิ เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง ภิกษุซึ่งเคยเป็นนายควาญช้างรูปหนึ่ง เห็นนายควาญช้างคนหนึ่ง กำลังฝึกช้างอยู่ที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำอจิรวดี และก็ไม่สามารถฝึกช้างนั้นได้ จึงได้พูดกับภิกษุอื่นๆว่า “ผู้มีอายุทั้งหลาย หากว่านายหัตถาจารย์(นายควาญช้าง)นี้ พึงแทงช้างตัวนี้ที่ตรงโน้น เขาพึงให้มันสำเหนียกเหตุนี้ได้โดยเร็วทีเดียว”
เมื่อนายควาญช้างนั้นได้ยินและนำไปปฏิบัติตาม
เขาก็สามารถฝึกช้างตัวนั้นสำเร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อกลับถึงวัดพระเชตวัน ภิกษุเหล่านั้นได้กราบทูลความที่เกิดขึ้นนั้นแด่พระศาสดา พระศาสดาตรัสเรียกภิกษุนั้นมาเฝ้า และได้ตรัสว่า “ บุรุษเปล่า
เธอต้องการอะไร
ด้วยยานคือช้าง
หรือยานอย่างอื่นที่ฝึกแล้ว
เพราะชื่อว่าคนผู้สามารถเพื่อจะไปสู่สถานที่เคยไปด้วยยานเหล่านี้
หามีไม่ แต่ผู้ที่ตนฝึกดีแล้ว อาจไปสู่สถานที่ไม่เคยไปได้ เพราะฉะนั้น
เธอจงฝึกตนเท่านั้น
เธอจะต้องการอะไรด้วยการฝึกสัตว์พาหนะเหล่านั้น”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
พระคาถานี้ว่า
น
หิ เอเตหิ ยาเนหิ
คจฺเฉยฺย
อคตํ ทิสํ
ยถาตฺตนา
สุทนฺเตน
ทนฺโต
ทนฺเตน คจฺฉติ ฯ
ก็บุคคลพึงไปสู่ทิศที่ยังไม่เคย
ไปด้วยยานเหล่านี้
เหมือนคนผู้ฝึกตนแล้ว
ไปสู่ทิศที่ยังไม่เคยไปได้ด้วยตนที่ฝึกแล้ว
ทรมานดีแล้วฉะนั้น ไม่ได้.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น