28. เรื่องพระมหาโมคคัลลานเถระ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภพระมหาโมคคัลลานเถระ
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ยสฺสาลยา เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง พระโมคคัลลานเถระ พร้อมด้วยภิกษุบริวาร 500 รูป
ได้ไปเข้าจำพรรษาที่วัดแห่งหนึ่ง
ใกล้หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง
เมื่อออกพรรษาปวารณาแล้ว
พระโมคคัลลาถเถระต้องการมอบจีวรแก่ภิกษุหนุ่มและสามเณรทั้งหลาย ท่านจึงบอกกับภิกษุทั้งหลายว่า หากมีคนมาถวายจีวร ก็ให้ส่งจีวรเหล่านั้นไปให้ท่าน หรือว่าแจ้งได้ท่านได้รู้
แล้วก็ออกจากวัดแห่งนั้นไปเข้าเฝ้าพระศาสดา ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า “ถึงทุกวันนี้ ตัณหาของพระโมคคัลานเถระ ชะรอยจะยังมีอยู่ เพราะพระเถระสั่งไว้แบบนั้น”
พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามถึงหัวข้อสนทนานั้น แล้วตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย
ตัณหา ย่อมไม่มีแก่บุตรของเรา แต่เธอกล่าวอย่างนั้น ก็ด้วยคิดว่า
พวกมนุษย์จะได้ทำบุญกัน และพวกภิกษุหนุ่มและสามเณรจะได้มีจีวรใช้”
จากนั้น
พระศาสดาตรัสพระธรรมบท
พระคาถานี้ว่า
ยสฺสาลยา
น วิชฺชนฺติ
อญฺญาย
อกถํกถี
อมโตคธํ
อนุปฺปตฺตํ
ตมหํ
พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ฯ
ความอาลัยของบุคคลใดไม่มี
บุคคลใดรู้ชัดแล้ว
เป็นผู้ไม่มีความสงสัยเป็นเหตุกล่าวว่าย่างไร
เราเรียกบุคคลนั้น
ผู้หยั่งลงอมตะ ตามบรรลุแล้ว
ว่า
เป็นพราหมณ์.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุอริยผลทั้งหลาย
มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น