06.เรื่องพระเถระแก่
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภพระภิกษุแก่หลายรูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า วนํ
ฉินฺทถ เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง ในกรุงสาวัตถี มีชายชราฐานะดีหลายคน ออกบวชเป็นพระภิกษุ พระภิกษุชราเหล่านี้ ไม่สามารถเล่าเรียนได้ เพราะความเป็นคนแก่ จึงให้คนสร้างบรรณศาลาไว้ที่หลังวัด แม้ในเวลาออกไปบิณฑบาตก็จะไปที่บ้านของบุตรและภรรยาของตน
ในหมู่อดีตภรรยาของพระภิกษุแก่เหล่านี้
มีนางหนึ่งชื่อว่า มธุรปาณิกา เป็นผู้ทำอาหารเก่งมาก นางจะคอยดูแลพระแก่เหล่านี้ทุกรูป
พระแก่เหล่านี้เมื่อได้อาหารจากการบิณฑบาตมาแล้วก็จะไปนั่งฉันอยู่ที่บ้านของนาง อยู่มาวันหนึ่ง นางมธุปาณิกาล้มป่วยและได้เสียชีวิตอย่างฉับพลัน
ภิกษุแก่เหล่านี้มีความเศร้าโศกร้องไห้รำพึงรำพันถึงนางผู้มีฝีมือในการทำอาหารอร่อย
พระศาสดา เมื่อทรงทราบเรื่องนี้ จากการสนทนาของภิกษุทั้งหลาย ได้ตรัสว่า
เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตเหมือนกัน และได้นำเรื่องกากชาดกมาตรัสเล่า แล้วตรัสกับภิกษุชราเหล่านี้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย
พวกเธออาศัยป่า คือ ราคะ
โทสะ และโมหะ จึงถึงทุกข์นี้ พวกเธอควรตัดป่านั้นเสีย
พวกเธอจักเป็นผู้หมดทุกข์ได้ด้วยอาการอย่างนั้น”
จากนั้น
พระศาสดาจึงตรัสพระธรรมบท
2 พระคาถานี้ว่า
วนํ
ฉินฺทถ มา รุกฺขํ
วนโต
ชายตี ภยํ
เฉตฺวา
วนญฺจ วนฏฺฐญฺจ
นิพฺพนา
โหถ ภิกฺขโว ฯ
ท่านทั้งหลาย
จงตัดกิเลสดุจป่า
อย่าตัดต้นไม้
ภัยย่อมเกิดแต่กิเลสดุจป่า
ภิกษุทั้งหลาย
ท่านทั้งหลาย
จงตัดกิเลสดุจป่า
และดุจหมู่ไม้ตั้งอยู่ในป่าแล้ว
เป็นผู้ไม่มีกิเลสดุจป่า.
ยาวฺญฺหิ
วนฏฺโฐ นะ ฉิชฺชติ
อณุมตฺโตปิ
นรสฺส นาริสุ
ปฏิพทฺธมโนว
ตาว โส
วจฺโฉ
ขีรปโกว มาตริ ฯ
เพราะกิเลสดุจหมู่บ้านตั้งอยู่ในป่า
ถึงมีประมาณนิดหน่อยของนรชน
ยังไม่ขาดในนารีทั้งหลายเพียงใด
เขาเป็นเหมือนลูกโคที่ยังดื่มน้ำนม
มีใจปฏิพัทธ์ในมารดาเพียงนั้น.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง พระเถระแก่เหล่านั้น ได้บรรลุโสดาปัตติผล พระธรรมเทศนา
มีประโยชน์แม้แก่ชนที่มาประชุมกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น