วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

มัคควรรค:03.เรื่องพระปธานกัมมิกติสสเถระ



03.เรื่องพระปธานกัมมิกติสสเถระ

พระศาสดา   เมื่อประทับอยู่ในพระเชตะวัน  ทรงปรารภพระปธานกัมมิกติสสะเถระ  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  อุฏฺฐานกาลมฺหิ  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง  ชายหนุ่ม  500 คน  ในกรุงสาวัตถี  ได้รับการอุปสมบทจากพระศาสดา  หลังจากที่ได้เรียนหัวข้อพระกัมมัฏฐานจากพระศาสดาแล้ว  ภิกษุบวชใหม่เหล่านี้ต่างก็ได้เข้าป่าไปปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน   มีแต่พระปธานกัมมิกติสสเถระเท่านั้นที่ไม่ยอมไป   พระภิกษุที่เข้าป่าไปแล้วก็ได้มุ่งปฏิบัติธรรมจนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์   เมื่อกลับมาถวายบังคมพระศาสดา  พระศาสดาได้ทรงทำการต้อนรับ และทรงแสดงความยินดีด้วย   ฝ่ายพระประธานกัมมิกติสสเถระ   อยากเห็นพระศาสดาทรงแสดงท่าทีอย่างเดียวกันนั้นกับตนบ้าง  จึงได้เริ่มความเพียรอย่างหนัก  โดยได้เดินจงกรมตลอดคืนยันรุ่ง  จนถึงกับเป็นลมล้มลงขาหักคาแผ่นหินที่ใช้จงกรมนั่นเอง   พระภิกษุอื่นๆ  ที่เป็นพระอรหันต์  ได้ยินเสียงร้อง  ก็พากันรีบมาช่วยเหลือ ทำให้พลาดโอกาสไปฉันภัตตาหารเช้าที่บ้านอุบาสกคนหนึ่ง   พระศาสดาเมื่อทรงสดับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว   ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย   ภิกษุนั่น  ทำอันตรายลาภของพวกเธอในบัดนี้เท่านั้น  หามิได้  แม้ในกาลก่อน  เธอก็ได้ทำแล้วเหมือนกัน   และทรงนำเรื่องวรุณชาดกมาตรัสให้ฟัง  แล้วตรัสว่า   ภิกษุทั้งหลาย  ก็บุคคลใด  ไม่ทำความขยัน  ในกาลควรขยัน  เป็นผู้มีความดำริอันจมแล้ว  เป็นผู้เกียจคร้าน   บุคคลนั้น  ย่อมไม่บรรลุคุณวิเศษต่างๆมีฌานเป็นต้น

จากนั้น   พระศาสดา  ได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

อุฏฐานกาลมฺหิ  อนุฏฺฐหาโน
ยุวา  พลี  อาสยํ  อุเปโต 
สงฺสนฺสสงฺกปฺปมโน  กุสีโต
ปญฺญาย  มคฺคํ  อลโส    วินฺทติ 

ก็บุคคลยังหนุ่มแน่นมีกำลัง
แต่ไม่ขยัน  ในกาลที่ควรขยัน
เข้าถึงความเป็นผู้เกียจคร้าน
มีใจอันประกอบด้วยความดำริอันจมแล้ว
ขี้เกียจ  เกียจคร้าน  ย่อมไม่ประสบทาง  ด้วยปัญญา.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย   มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น