05.เรื่องภิกษุมากรูป
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุมากรูป
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า น วากฺกรณมตฺเตน
เป็นต้น
ในวัดนั้น
ภิกษุหนุ่มและสามเณรน้อย
จะทำการดูแลอาจารย์ผู้บอกธรรมของตน
ด้วยกิจต่างๆ เช่น การย้อมจีวรเป็นต้น
พระเถระพวกหนึ่งสังเกตเห็นวัตรปฏิบัติเหล่านี้ ก็เกิดความริษยา
และได้คิดแผนอย่างหนึ่งขึ้นมาเพื่อจะให้เกิดประโยชน์แก่พวกตนบ้าง โดยแผนนี้ก็คือ
พวกพระเถระเหล่านี้จะกราบทูลแนะนำพระศาสดาว่าให้ออกกฎว่า พวกภิกษุหนุ่มและสามเณรน้อย แม้ว่าจะทำวัตรปฏิบัติแก่อาจารย์ของตนแล้ว
ก็จะต้องมาขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากพระเถระเหล่านี้ด้วย เมื่อพระเถระเหล่านี้ไปกราบทูลเรื่องนี้แด่พระศาสดา
พระศาสดาทรงทราบวัตถุประสงค์แอบแฝงของพระเถระเหล่านั้น ได้ตรัสว่า
“เราไม่เรียกพวกเธอว่า
คนดี เพราะเหตุสักว่าพูดจัดจ้าน ส่วนผู้ใด
ตัดธรรมมีความริษยาเป็นต้นเหล่านี้ได้แล้ว
ด้วยอรหัตตมรรค ผู้นี้แหละชื่อว่าคนดี”
พระศาสดา
ได้ตรัสพระธรรมบท สองพระคาถานี้ว่า
น
วากฺกรณมตฺเตน
วณฺณโปกฺขรตาย
วา
สาธุรูโป
นโร โหติ
อิสฺสุกี
มจฺฉรี สโฐ ฯ
ยสฺส
เจตํ สมุจฺฉินฺนํ
มูลฆจฺฉํ
สมูหตํ
ส
วนฺตโทโส เมธาวี
สาธุรูโปติ
วุจฺจติ ฯ
นระ
ผู้มีความริษยา มีความตระหนี่ โอ้อวด
จะชื่อว่าคนดี
เพราะเหตุสักว่าทำการพูดจัดจ้าน
หรือเพราะมีผิวกายงามก็หาไม่.
ส่วนผู้ใด
ตัดความริษยาเป็นต้นได้ขาดแล้ว
ถอนขึ้นให้รากขาด
ผู้นั้น
มีโทสะอันคายแล้ว มีปัญญา
เราเรียกว่า
คนดี.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุอริยผลทั้งหลาย
มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น