วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

นิรยวรรค:01.เรื่องนางปริพาชิกาชื่อสุนทรี



01.เรื่องนางปริพาชิกาชื่อสุนทรี

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภนางปริพาชิกาชื่อสุนทรี   ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  อภตวาที  เป็นต้น

เมื่อผู้คนที่หันมานับถือพระศาสดามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นๆ   พวกอัญญเดียรถีร์(ผู้ถือศาสนาอื่น)พบว่าศาสนิกชนของฝ่ายตนได้ลดจำนวนลงเรื่อยๆ  ดังนั้น  พวกอัญญเดียรถีย์จึงมีความอิจฉาริษยาในพระศาสดา   และพวกเขายังกลัวด้วยว่าสถานการณ์คงจะเลวร้ายลงเรื่อยๆหากว่าพวกเขาไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิของพระศาสดา  เพราะฉะนั้น  พวกเขาจึงส่งคนไปเชิญนางสุนทรีปริพาชิกามาพบและปรึกษากับนางให้ใช้ความงามและความฉลาดของนางเป็นเครื่องมือกล่าวโทษเพื่อทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิของพระสมณโคดม  ทำให้มหาชนหลงเชื่อ  ก็จะมีผลทำลายลาภสักการะของพระสมณโคดมได้ในที่สุด

นางสุนทรีเข้าใจสิ่งที่พวกอัญญเดียรถีย์คาดหวังจากนางเป็นอย่างดี      ดังนั้น   ในตอนเย็น  นางก็จะทำทีเดินมุ่งหน้าไปทางวัดพระเชตวัน   เมื่อมีใครถามว่านางจะไปไหน   นางก็จะตอบว่า  ฉันกำลังจะไปสำนักพระสมณโคดม  ฉันจะอยู่ในพระคันธกุฏีเดียวกันกับพระสมณโคดมทั้งคืนหลังจากนั้น  นางก็จะไปพักอยู่ที่สำนักของพวกอัญญเดียรถีย์  พอถึงรุ่งเช้าในวันรุ่งขึ้น  นางก็ทำทีว่าจะเดินกลับบ้าน  และหากมีใครถามว่าไปไหนมา  นางก็จะตอบว่า ฉันเพิ่งกลับจากพระคันธุฎี  หลังจากที่เมื่อคืนนี้ได้ไปมีความสุขทางเพศกับพระสมณโคดมมา  นางทำอยู่อย่างนี้เป็นเวลา 2 -3  วัน  พอในวันที่ 4  พวกอัญญเดียรถีย์ก็ได้ไปจ้างพวกนักเลงให้ทำการสังหารชีวิตนางสุนทรีแล้วหมกศพของนางไว้ที่กองขยะดอกไม้ใกล้วัดพระเชตวัน  ในวันรุ่งขึ้น  พวกอัญญเดียรถีย์ก็ได้ปล่อยข่าวว่านางสุนทรีปริพาชิกาหายตัวไป และได้นำความขึ้นกราบทูลพระราชาพร้อมแจ้งเบาะแสว่านางไปที่วัดพระเชตะวันในช่วง 3 วันที่ผ่านมา  พระราชาทรงอนุญาตให้ทำการตรวจค้นตามที่ต่างๆได้ตามที่ต้องการ   เมื่อคนของพวกอัญญเดียรถีย์ออกไปค้นหาก็ได้พบศพของนางสุนทรีหมกอยู่ในกองขยะดอกไม้ใกล้วัดพระเชตวัน  จึงได้นำศพนางไปที่พระราชวัง  แล้วกราบทูลพระราชาว่า   สาวกของพระสมณโคดมเป็นผู้ฆ่านางสุนทรี  เพื่อปกปิดเรื่องที่นางมีเพศสัมพันธ์กับพระสมณโคดม  พระราชาตรัสตอบว่า  หากเป็นเช่นนั้นก็ขอให้แห่ศพนางไปประจานให้ผู้คนทั้งหลายได้รู้โดยทั่วกัน   ดังนั้น พวกอัญญเดียรถีย์ก็จึงแห่ศพไปประจานตามที่ต่างๆจนทั่วเมือง  โดยได้ประกาศว่า  ขอท่านทั้งหลาย   จงดูการกระทำของพวกสมณสักยบุตรเถิด  จากนั้นก็เที่ยวชี้หน้าด่าว่าพระภิกษุที่พวกตนพบในเมืองบ้าง  นอกเมืองบ้าง  ในป่าบ้าง  ภิกษุทั้งหลายได้นำความนี้ขึ้นกราบทูลพระศาสดา   พระศาสดาตรัสว่า  ถ้าอย่างนั้น  แม้พวกเธอก็จงกล่าวคำเหล่านี้พูดตอบโต้คนเหล่านั้นบ้าง  

 จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

อภูตวาที  นิรยํ  อุเปติ
โย  วาปิ  กตฺวา    กโรมิจฺจาห
อุโภปิ  เต  เปจฺจ  สมา  ภวนฺติ
นิหีนกมฺมา  มนุชา  ปรตฺถ ฯ

ผู้มักพูดไม่จริง  ย่อมเข้าถึงนรก
หรือแม้ผู้ใดทำแล้ว  กล่าวว่า  ข้าพเจ้ามิได้ทำ
ชนแม้ทั้งสองนั้น  เป็นมนุษย์มีกรรมเลวทราม
ละไปในโลกอื่นแล้ว  ย่อมเป็นผู้เสมอกัน.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ต่อมา  พระราชาทรงส่งราชบุรุษออกติดตามหาตัวฆาตกรที่สังหารโหดนางสุนทรี  เมื่อทำการสืบสวนในทางลับแล้ว  ก็พบว่าพวกฆาตรกรที่สังหารนางสุนทรีคือพวกนักเลงสุรา   เมื่อทำการจับกุมนักเลงสุราเหล่านี้แล้วก็ได้ตัวไปถวายพระราชา   เมื่อถูกสอบสวนพวกเขาก็ได้รับสารภาพว่าถูกว่าจ้างโดยพวกอัญญเดียรถีย์ให้ฆ่านางสุนทรีแล้วนำศพของนางไปซุกไว้ที่กองขยะดอกไม้ใกล้วัดพระเชตวัน   พระราชาจึงมีรับสั่งให้พวกฆาตกรเหล่านี้ตระเวนไปร้องป่าวประกาศจนทั่วเมืองว่า นางสุนทรีนี้  ถูกพวกข้าพเจ้าผู้ใคร่จะใส่ร้ายพระสมณโคดมฆ่า  โทษของพระสาวกของพระสมณโคดมไม่มี  เป็นโทษของพวกข้าพเจ้าฝ่ายเดียวผู้คนที่เคยหลงเชื่อต่างก็ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง  ทั้งพวกเดียรถีย์และพวกฆาตกรต่างได้รับโทษทัณฑ์ทางอาญาในข้อหาฆ่าคน   จำเดิมแต่นั้นมา  เกียรติภูมิและลาภสักการะของพระศาสดาและพระสาวกทั้งหลายยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเก่า.

1 ความคิดเห็น: