01.เรื่องนางปริพาชิกาชื่อสุนทรี
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภนางปริพาชิกาชื่อสุนทรี
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า อภตวาที เป็นต้น
เมื่อผู้คนที่หันมานับถือพระศาสดามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นๆ
พวกอัญญเดียรถีร์(ผู้ถือศาสนาอื่น)พบว่าศาสนิกชนของฝ่ายตนได้ลดจำนวนลงเรื่อยๆ ดังนั้น
พวกอัญญเดียรถีย์จึงมีความอิจฉาริษยาในพระศาสดา
และพวกเขายังกลัวด้วยว่าสถานการณ์คงจะเลวร้ายลงเรื่อยๆหากว่าพวกเขาไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิของพระศาสดา เพราะฉะนั้น
พวกเขาจึงส่งคนไปเชิญนางสุนทรีปริพาชิกามาพบและปรึกษากับนางให้ใช้ความงามและความฉลาดของนางเป็นเครื่องมือกล่าวโทษเพื่อทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิของพระสมณโคดม ทำให้มหาชนหลงเชื่อ
ก็จะมีผลทำลายลาภสักการะของพระสมณโคดมได้ในที่สุด
นางสุนทรีเข้าใจสิ่งที่พวกอัญญเดียรถีย์คาดหวังจากนางเป็นอย่างดี ดังนั้น
ในตอนเย็น
นางก็จะทำทีเดินมุ่งหน้าไปทางวัดพระเชตวัน เมื่อมีใครถามว่านางจะไปไหน นางก็จะตอบว่า “ฉันกำลังจะไปสำนักพระสมณโคดม ฉันจะอยู่ในพระคันธกุฏีเดียวกันกับพระสมณโคดมทั้งคืน” หลังจากนั้น
นางก็จะไปพักอยู่ที่สำนักของพวกอัญญเดียรถีย์ พอถึงรุ่งเช้าในวันรุ่งขึ้น นางก็ทำทีว่าจะเดินกลับบ้าน และหากมีใครถามว่าไปไหนมา นางก็จะตอบว่า “ฉันเพิ่งกลับจากพระคันธุฎี หลังจากที่เมื่อคืนนี้ได้ไปมีความสุขทางเพศกับพระสมณโคดมมา”
นางทำอยู่อย่างนี้เป็นเวลา 2 -3 วัน
พอในวันที่ 4
พวกอัญญเดียรถีย์ก็ได้ไปจ้างพวกนักเลงให้ทำการสังหารชีวิตนางสุนทรีแล้วหมกศพของนางไว้ที่กองขยะดอกไม้ใกล้วัดพระเชตวัน ในวันรุ่งขึ้น
พวกอัญญเดียรถีย์ก็ได้ปล่อยข่าวว่านางสุนทรีปริพาชิกาหายตัวไป
และได้นำความขึ้นกราบทูลพระราชาพร้อมแจ้งเบาะแสว่านางไปที่วัดพระเชตะวันในช่วง 3
วันที่ผ่านมา
พระราชาทรงอนุญาตให้ทำการตรวจค้นตามที่ต่างๆได้ตามที่ต้องการ
เมื่อคนของพวกอัญญเดียรถีย์ออกไปค้นหาก็ได้พบศพของนางสุนทรีหมกอยู่ในกองขยะดอกไม้ใกล้วัดพระเชตวัน จึงได้นำศพนางไปที่พระราชวัง แล้วกราบทูลพระราชาว่า สาวกของพระสมณโคดมเป็นผู้ฆ่านางสุนทรี
เพื่อปกปิดเรื่องที่นางมีเพศสัมพันธ์กับพระสมณโคดม พระราชาตรัสตอบว่า
หากเป็นเช่นนั้นก็ขอให้แห่ศพนางไปประจานให้ผู้คนทั้งหลายได้รู้โดยทั่วกัน ดังนั้น พวกอัญญเดียรถีย์ก็จึงแห่ศพไปประจานตามที่ต่างๆจนทั่วเมือง โดยได้ประกาศว่า “ขอท่านทั้งหลาย จงดูการกระทำของพวกสมณสักยบุตรเถิด”
จากนั้นก็เที่ยวชี้หน้าด่าว่าพระภิกษุที่พวกตนพบในเมืองบ้าง นอกเมืองบ้าง
ในป่าบ้าง
ภิกษุทั้งหลายได้นำความนี้ขึ้นกราบทูลพระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้น
แม้พวกเธอก็จงกล่าวคำเหล่านี้พูดตอบโต้คนเหล่านั้นบ้าง”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
พระคาถานี้ว่า
อภูตวาที
นิรยํ อุเปติ
โย
วาปิ กตฺวา น
กโรมิจฺจาห
อุโภปิ
เต เปจฺจ สมา
ภวนฺติ
นิหีนกมฺมา
มนุชา ปรตฺถ ฯ
ผู้มักพูดไม่จริง ย่อมเข้าถึงนรก
หรือแม้ผู้ใดทำแล้ว กล่าวว่า
ข้าพเจ้ามิได้ทำ
ชนแม้ทั้งสองนั้น เป็นมนุษย์มีกรรมเลวทราม
ละไปในโลกอื่นแล้ว ย่อมเป็นผู้เสมอกัน.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุอริยผลทั้งหลาย
มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ต่อมา
พระราชาทรงส่งราชบุรุษออกติดตามหาตัวฆาตกรที่สังหารโหดนางสุนทรี เมื่อทำการสืบสวนในทางลับแล้ว ก็พบว่าพวกฆาตรกรที่สังหารนางสุนทรีคือพวกนักเลงสุรา
เมื่อทำการจับกุมนักเลงสุราเหล่านี้แล้วก็ได้ตัวไปถวายพระราชา เมื่อถูกสอบสวนพวกเขาก็ได้รับสารภาพว่าถูกว่าจ้างโดยพวกอัญญเดียรถีย์ให้ฆ่านางสุนทรีแล้วนำศพของนางไปซุกไว้ที่กองขยะดอกไม้ใกล้วัดพระเชตวัน
พระราชาจึงมีรับสั่งให้พวกฆาตกรเหล่านี้ตระเวนไปร้องป่าวประกาศจนทั่วเมืองว่า
“นางสุนทรีนี้
ถูกพวกข้าพเจ้าผู้ใคร่จะใส่ร้ายพระสมณโคดมฆ่า โทษของพระสาวกของพระสมณโคดมไม่มี เป็นโทษของพวกข้าพเจ้าฝ่ายเดียว” ผู้คนที่เคยหลงเชื่อต่างก็ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง
ทั้งพวกเดียรถีย์และพวกฆาตกรต่างได้รับโทษทัณฑ์ทางอาญาในข้อหาฆ่าคน จำเดิมแต่นั้นมา เกียรติภูมิและลาภสักการะของพระศาสดาและพระสาวกทั้งหลายยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเก่า.
ดีครับ
ตอบลบ