06.เรื่องภิกษุชื่อหัตถกะ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี
ทรงปรารภภิกษุชื่อหัตถกะ
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า น มุณฑเกน
สมโณ เป็นต้น
พระหัตถกะ
ชอบไปท้าพวกเดียรถีย์ให้มาโต้วาทีกันกับท่าน ในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง เมื่อถึงกำหนดเวลาที่นัดหมายกันนั้น
พระหัตถกะก็จะไปยังสถานที่นัดหมายกันนั้นก่อนเวลา แล้วคุยโอ้อวดว่า “ ดูเถิดท่านทั้งหลาย พวกเดียรถีย์ไม่มา เพราะกลัวผม
นี่แหละเป็นความแพ้ของพวกเดียรถีย์เหล่านั้น” พระศาสดาทรงทราบพฤติกรรมของพระหัตถกะนั้นแล้ว ตรัสเรียกมาสอบถาม และเมื่อพระหัตถกะยอมรับความจริงนั้น ตรัสว่า
“เหตุไฉน เธอจึงทำอย่างนั้น ? ด้วยว่า
ผู้ทำมุสาวาทเห็นปานนั้น
จะชื่อว่าเป็นสมณะ
เพราะเหตุสักว่ามีศีรษะโล้นเป็นต้นหามิได้
ส่วนผู้ใด
ยังบาปน้อยหรือใหญ่ให้สงบแล้วตั้งอยู่
ผู้นี้แหละชื่อว่าสมณะ”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
สองพระคาถานี้ว่า
น
มุณฺฑเกนะ สมโณ
อพฺพโต
อลิกํ ภณํ
อิจฺฉาโลภสมาปนฺโน
สมโณ
กึ ภวิสฺสติ ฯ
โย
จ สเมติ ปาปานิ
อณุถูลานิ
สพฺพโส
สมิตตฺตา
หิ ปาปานํ
สมโณติ
ปวุจฺจติ ฯ
ผู้ไม่มีวัตร
พูดเหลาะแหละ
ไม่ชื่อว่าสมณะ เพราะศีรษะโล้น
ผู้ประกอบด้วยความอยาก และความโลภ
จะเป็นสมณะอย่างไรได้”
ส่วนผู้ใด
ยังบาปน้อยหรือใหญ่ให้สงบ
โดยประการทั้งปวง
ผู้นั้น
เรากล่าวว่า เป็นสมณะ
เพราะยังบาปให้สงบแล้ว.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น