วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

ตัณหาวรรค:05.เรื่องพระนางเขมา



05.เรื่องพระนางเขมา
 
พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพระอัครมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร  พระนามว่าเขมา  ตรัสพระธรรมเทศฯนี้ว่า  เย  ราครตา  เป็นต้น

พระนางเขมาเป็นพระมเหสีเอกของพระเจ้าพิมพิสาร   พระนางมีพระสิริโฉมงดงามมาก  เพราะได้เคยตั้งความปรารถนาไว้แทบบาทมูลของพระปทุมุตรพุทธเจ้า   พระนางไม่ทรงต้องการจะไปเฝ้าพระศาสดาเพราะทรงเกรงว่าพระศาสดาจะทรงตำหนิโทษความงามของพระนาง   จึงได้ทรงหลีกเลี่ยงอยู่ตลอดมา  แต่พระเจ้าพิมพิสารมีพระประสงค์จะให้พระนางเสด็จไปเฝ้าพระศาสดาที่พระเวฬุวันให้ได้  จึงรับสั่งให้นักประพันธ์เพลงแต่งเพลงพรรณนาความงามและความรื่นรมย์ของพระเวฬูวัน จนพระนางเขมาได้สดับแล้ว  มีความหลงใหลอยากจะเสด็จไปชม

เมื่อพระนางเขมาเสด็จเข้าไปในวัดพระเวฬุวันนั้น   พระศาสดาทรงแสดงธรรมให้แก่มหาชนได้ฟังกันอยู่   พระองค์จึงทรงเนรมิตร่างนางงามผู้หนึ่ง  ยืนถือพัดก้านตาลถวายงานพัดอยู่ที่ข้างพระองค์  และรูปหญิงนี้เห็นได้เฉพาะพระนางเขมาเท่านั้น  เมื่อพระนางเข้ามาสู่ที่ประชุมฟังธรรมนั้น  ทอดพระเหตุเห็นหญิงงามนั้นแล้วก็นำมาเปรียบเทียบกับความงามของพระนาง  ได้เห็นประจักษ์ว่านางงามที่ถวายงานพัดพระศาสดาอยู่นั้นมีความงามเลิศล้ำกว่าพระนางมาก  ขณะที่พระนางจ้องพระเนตรมองดูนางงามอยู่นั้น  พระศาสดาได้บันดาลให้ร่างของนางงามนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับคือ เป็นหญิง กลางคน เป็นหญิงชรา   เจ็บป่วย  สิ้นชีวิต  มีหนอนชอนไชออกมาจากซากศพ และเหลืออยู่แต่เพียงกองกระดูก  เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้  พระนางเขมาก็ทรงประจักษ์ถึงความไม่เที่ยงและความปราศจากแก่นสารของความงาม

พระศาสดา   ทรงตรวจดูวารจิตของพระนางเขมาแล้ว  จึงตรัสว่า  เขมา  เธอคิดว่า  สาระมีอยู่ในรูปนี้หรือ ?  เธอจงดูความที่รูปนั้นหาสาระมิได้  ในบัดนี้

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า
 
เย   ราครตฺตานุปตนฺติ  โสตํ
สยํ  กตํ  มกฺกฎโกว   ชาลํ
เอตมฺปิ  เฉตฺวาน  วชนฺติ  ธีรา
อนเปกฺขิโน  สพฺพทุกฺขํ  ปหาย ฯ

สัตว์ผู้กำหนัดแล้วด้วยราคะ
ย่อมตกไปสู่กระแสตัณหา
เหมือนแมลงมุม  ตกไปยังใยที่ตัวทำไว้เอง  ฉะนั้น
ธีรชนทั้งหลาย   ตัดกระแสตัณหาแม้นั้นแล้ว
 เป็นผู้หมดห่วงใย  ละเว้นทุกข์ทั้งปวง.

เมื่อจบพระธรรมเทศนา  พระนางเขมา  บรรลุพระอรหัตตผล  เพระธรรมเทศนามีประโยชน์แม้แก่มหาชน.
พระศาสดาตรัสถามพระราชาว่า  ควรจะให้พระนางเขมาบวช หรือว่าจะให้ปรินิพพาน   พระราชาตรัสว่า  ควรจะให้พระนางบวช  เมื่อพระนางบรรพชาแล้ว  ก็ได้เป็นพระอัครสาวิกา.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น