08.เรื่องมาร
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภมาร ตรัสพระธรรมเทศฯนี้ว่า นิฏฺฐํ
คโต เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง มีภิกษุจำนวนมากเดินทางมาที่วัดพระเชตวัน จึงไล่ให้พระราหุลเถระให้ลุกขึ้น ท่านไม่เห็นที่จะไปนอนในที่อื่น
จึงได้ไปนอนที่หน้ามุขพระคันธกุฏีของพระศาสดา ในตอนนั้นท่านพระราหุลเถระสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว มารชื่อวสวัดดี
ต้องการจะสร้างความกังวลพระทัยให้กับพระศาสดาโดยกลั่นแกล้งพระราหุลเถระผู้โอรส จึงได้แปลงร่างเป็นช้างใหญ่เอางวงรัดที่ศีรษะของพระเถระ แล้วส่งเสียงร้องเพื่อให้ตกใจกลัว พระศาสดาบรรทมในพระคันธกุฎี ทรงทราบว่าช้างนั้นเป็นมาร จึงตรัสว่า “ มาร
คนเช่นท่านแม้ตั้งแสน
ก็ไม่สามารถเพื่อจะให้ความกลัวเกิดแก่บุตรของเราได้ เพราะว่า
บุตรของเรามีปกติไม่สะดุ้ง
มีตัณหาไปปราศแล้ว
มีความเพียรใหญ่ มีปัญญามาก”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
สองพระคาถานี้ว่า
นิฏฺฐํ
คโต อสนฺตตาสี
วีตตณฺโห
อนงฺคโณ
อจฺฉินฺทิ
ภวสลฺสานิ
อนฺติโมยํ
สมุสฺสโย ฯ
วีตตณฺโห
อนาทาโน
นิรุตฺติปทโกวิโท
อกฺขรานํ
สนฺนิปาตํ
ชญฺญา
ปุพฺพาปรานิ จ
ส
เว อนฺติมสารีโร มหาปญฺโญ
(มหาปุริโสติ) วุจฺจติฯ
ผู้ใด
ถึงความสำเร็จ มีปกติไม่สะดุ้ง
มีตัณหาไปปราศจากแล้ว
ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวนใจ
ได้ตัดลูกศรอันให้ไปสู่ภพทั้งหลายเสียแล้ว
กายนี้ของผู้นั้น ชื่อว่ามีในที่สุด ผู้ใดมีตัณหาไปปราศแล้ว
ไม่มีความถือมั่น ฉลาดในบทแห่งนิรุตติ
รู้ที่ประชุมแห่งอักษรทั้งหลาย
และรู้เบื้องต้นและเบื้องปลายแห่งอักษรทั้งหลาย
ผู้นั้นแล
มีสรีระมีในที่สุด
เราย่อมเรียกว่าผู้มีปัญญามาก(เป็นมหาบุรุษ)”
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุอริยผลทั้งหลาย
มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ฝ่ายมารผู้มีบาป คิดว่า “พระสมณโคดม
ย่อมทรงรู้ว่าเป็นเรา” แล้วอันตรธานไปจากที่นั้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น