วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

ตัณหาวรรค:08.เรื่องมาร



08.เรื่องมาร

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภมาร  ตรัสพระธรรมเทศฯนี้ว่า  นิฏฺฐํ  คโต  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง  มีภิกษุจำนวนมากเดินทางมาที่วัดพระเชตวัน   จึงไล่ให้พระราหุลเถระให้ลุกขึ้น  ท่านไม่เห็นที่จะไปนอนในที่อื่น  จึงได้ไปนอนที่หน้ามุขพระคันธกุฏีของพระศาสดา  ในตอนนั้นท่านพระราหุลเถระสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว   มารชื่อวสวัดดี  ต้องการจะสร้างความกังวลพระทัยให้กับพระศาสดาโดยกลั่นแกล้งพระราหุลเถระผู้โอรส  จึงได้แปลงร่างเป็นช้างใหญ่เอางวงรัดที่ศีรษะของพระเถระ  แล้วส่งเสียงร้องเพื่อให้ตกใจกลัว  พระศาสดาบรรทมในพระคันธกุฎี  ทรงทราบว่าช้างนั้นเป็นมาร  จึงตรัสว่า มาร  คนเช่นท่านแม้ตั้งแสน  ก็ไม่สามารถเพื่อจะให้ความกลัวเกิดแก่บุตรของเราได้  เพราะว่า   บุตรของเรามีปกติไม่สะดุ้ง  มีตัณหาไปปราศแล้ว  มีความเพียรใหญ่  มีปัญญามาก

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  สองพระคาถานี้ว่า

นิฏฺฐํ  คโต  อสนฺตตาสี
วีตตณฺโห  อนงฺคโณ
อจฺฉินฺทิ  ภวสลฺสานิ
อนฺติโมยํ  สมุสฺสโย ฯ

วีตตณฺโห  อนาทาโน
นิรุตฺติปทโกวิโท
อกฺขรานํ  สนฺนิปาตํ
ชญฺญา  ปุพฺพาปรานิ จ
  เว  อนฺติมสารีโร มหาปญฺโญ
(มหาปุริโสติ)  วุจฺจติฯ

ผู้ใด  ถึงความสำเร็จ  มีปกติไม่สะดุ้ง
มีตัณหาไปปราศจากแล้ว
ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวนใจ
ได้ตัดลูกศรอันให้ไปสู่ภพทั้งหลายเสียแล้ว

กายนี้ของผู้นั้น  ชื่อว่ามีในที่สุด  ผู้ใดมีตัณหาไปปราศแล้ว
ไม่มีความถือมั่น   ฉลาดในบทแห่งนิรุตติ
รู้ที่ประชุมแห่งอักษรทั้งหลาย
และรู้เบื้องต้นและเบื้องปลายแห่งอักษรทั้งหลาย
ผู้นั้นแล  มีสรีระมีในที่สุด  เราย่อมเรียกว่าผู้มีปัญญามาก(เป็นมหาบุรุษ)

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ฝ่ายมารผู้มีบาป  คิดว่า พระสมณโคดม  ย่อมทรงรู้ว่าเป็นเรา  แล้วอันตรธานไปจากที่นั้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น