วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

มลวรรค:10.เรื่องเมณฑกเศรษฐี



10.เรื่องเมณฑกเศรษฐี

พระศาสดา  เมื่อทรงอาศัยภัททิยนคร  ประทับอยู่ในชาติยาวัน     ทรงปรารภเมณฑกเศรษฐี  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  สุทสฺสํ  วชฺชมญฺเญสํ  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง   ในระหว่างเสด็จจาริกสู่แคว้นอังคะและแคว้นอุตตระ   พระศาสดาทรงเห็นอุปนิสัยที่จะบรรลุโสดาปัติผลของบุคคล 6  คนเหล่านี้ คือ 1. เมณฑกเศรษฐี  2.ภรรยาของเศรษฐี  ชื่อนางจันทปทุมา  3. บุตรชื่อธนัญชัยเศรษฐี   4.  หญิงสะใภ้ชื่อนางสุมนเทวี  5.  หลานสาวชื่อวิสาขา   6.ทาสชื่อปุณณะ  จึงเสด็จไปสู่ภัททิยนคร   ประทับอยู่ในชาติยาวัน
เมณฑกเศรษฐีผู้นี้  มีฐานะร่ำรวยมาก   ที่เป็นเช่นนี้  ในพระคัมภีร์กล่าวว่า   เป็นเพราะเมณฑกเศรษฐีได้พบรูปปั้นแพะทองคำ  ประมาณเท่าช้าง  เท่าม้า  และเท่าโคถึก   โผล่ขึ้นมาจากแผ่นดินที่บริเวณหลังบ้าน  ซึ่งกินบริเวณกว้างถึง 8  กรีส  เพราะเหตุนี้เศรษฐีคนนี้จึงมีชื่อว่า เมณฑกเศรษฐี  แปลว่า  เศรษฐีแพะ   ในพระคัมภีร์บรรยายต่อไปว่าว่า  ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี   เขาได้เคยบริจาคทรัพย์สร้างวัดถวายพระวิปัสสีพระพุทธเจ้า  และถวายสิ่งของต่างๆ  เช่น  ธรรมาสน์ทำด้วยทองคำสำหรับแสดงพระธรรมเทศนา  พร้อมด้วยตั่งทองคำสำหรับก้าวขึ้นสู่ธรรมาสน์เป็นรูปแพะทั้ง 4 ทิศ  เป็นต้น  เมื่อสิ่งก่อสร้างต่างๆในวัดสำเร็จแล้ว  เขาก็ได้กราบทูลอาราธนาพระวิปัสสีพุทธเจ้ามาฉันภัตตาหาร  พร้อมด้วยภิกษุทั้งหลาย   ตลอดเวลา 4  เดือน   ต่อมาในอีกอดีตชาติหนึ่ง  เขาเกิดเป็นเศรษฐีในเมืองพาราณสี   ในกาลครั้งหนึ่ง  ได้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ  ผู้คนอดอยากข้าวปลาอาหาร   ทั่วทุกหนทุกแห่ง  วันหนึ่งเศรษฐีได้ให้คนรับใช้ทำอาหารไว้พอดีสำหรับตนเองและบริวารรับประทาน   ได้มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง  ซึ่งเพิ่งออกจากสมาบัติ  มายืนบิณฑบาตอยู่ที่หน้าประตูบ้าน   เขาได้บริจาคอาหารทั้งหมดทั้งในส่วนของตนเองและส่วนของบริวารแด่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น      เพราะผลแห่งการถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าที่เพิ่งออกจากสมาบัติ  ทำให้หม้อข้าวของเศรษฐี กลับมีข้าวอยู่เต็ม  และยุ้งยางต่างๆที่ว่างเปล่าก็กลับเต็มไปด้วยข้าวเปลือก 
เมื่อเมณฑกเศรษฐี   ได้ทราบข่าวว่า  พระศาสดาเสด็จที่เมืองภัททิยะมาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์  ก็ได้เข้าไปถวายบังคม หลังจากที่ได้ฟังธรรมจากพระศาสดาแล้ว  ท่านพร้อมด้วยบุคคลอื่นรวม 6  คน(ตามที่มีชื่อระบุข้างต้น)  ก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล  และท่านได้กราบทูลพระศาสดาว่า  ในระหว่างทางที่ท่านเดินทางมาเฝ้าพระศาสดานั้น  ท่าน

ได้พบกับพวกเดียรถีย์  และพวกเดียรถีย์เหล่านี้ได้ห้ามปรามมิให้ท่านมา   พระศาสดาจึงตรัสกับท่านเศรษฐีว่า  คฤหบดี  ขึ้นชื่อว่าสัตว์เหล่าใดย่อมไม่เห็นโทษของตนแม้มาก  ย่อมโปรยโทษของชนเหล่าอื่นแม้ไม่มีอยู่กระทำให้มี  ราวะบุคคลโปรยแกลบลงในที่นั้น ๆ  ฉะนั้น

จากนั้น   พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า
สุทสฺสํ  วชฺชมญเญสํ
อตฺตโน  ปน  ทุสฺทสํ
ปเรสํ  หิ  โส  วชฺชานิ
โอปุนาติ  ยถา  ภุสํ
อตฺตโน  ปน  ฉาเทติ
กลึว  กิตวา   สโฐ 

โทษของบุคคลเหล่าอื่นเห็นง่าย
ฝ่ายโทษของตนเห็นได้ยาก
เพราะว่า  บุคคลนั้น  ย่อมโปรยโทษของบุคคลเหล่าอื่น
เหมือนบุคคลโปรยแกลบ
แต่ว่าย่อมปกปิด(โทษ)ของตน
เหมือนพรานปกปิดร่างกายด้วยเครื่องปกปิดฉะนั้น.

 เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น