24.เรื่องพระมหาปันถกเถระ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน
ทรงปรารภพระมหาปันถก
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ยสฺส ราโค
จ เป็นต้น
พระมหาปันถกเถระ เป็นพระอรหันต์แล้ว
ในตอนที่น้องชายของท่านที่ชื่อว่าจูฬปันถกเข้ามาบวช
พระจูฬปันถกเป็นคนมีปัญญาทึบเพราะในอดีตชาติเคยล้อเลียนพระที่เล่าเรียนไม่เก่งรูปหนึ่ง
พระจูฬปันถกไม่สามารถจดจำพระคาถาที่พระมหาปันถกพี่ชายมอบให้ไปท่องแม้จะใช้เวลาท่องอยู่ถึง
4
เดือนก็ตาม
พระมหาปันถกรู้สึกผิดหวังกับพระน้องชายเป็นอย่างมากจึงขับไล่ออกไปจากวัดเพราะเป็นคนไม่มีคุณค่าที่จะบวชอยู่ต่อไป “เธอเป็นผู้อาภัพแม้ในพระศาสนา ทั้งเป็นผู้เสื่อมแล้วจากโภคะของคฤหัสถ์ ประโยชน์อะไรของเธอด้วยการอยู่ในวัดนี้ เธอจงออกไปเสียจากวัดนี้” พระมหาปันถกกล่าว แล้วปิดประตู
ภิกษุทั้งหลาย
สนทนากันว่า “ท่านทั้งหลาย พระมหาปันถกเถระทำแบบนี้
ชะรอยความโกรธจะยังคงเกิดขึ้นกับพระขีณาสพทั้งหลายได้เป็นแน่”
พระศาสดาเสด็จมา
ตรัสถามถึงหัวข้อสนทนานั้น แล้วตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย กิเลสทั้งหลายมีราคะเป็นต้น ย่อมไม่มีแก่พระขีณาสพทั้งหลาย แต่บุตรของเราทำเช่นนั้น
เพราะความที่ตนเป็นผู้มุ่งประโยชน์เป็นเป้าหมายสำคัญ และเพราะเป็นผู้มุ่งธรรมเป็นเป้าหมายสำคัญ”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
พระคาถานี้ว่า
ยสฺส
ราโค จ โทโส จ
มาโน
มกฺโข จ ปาติโต
สาสโปริว
อารคฺคา
ตมหํ
พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ฯ
ราคะ
โทสะ มานะ และมักขะ
อันผู้ใดให้ตกไปแล้ว
เหมือนเมล็ดพรรณผักกาด
ตกไปจากปลายเหล็กแหลม ฉะนั้น
เราเรียกผู้นั้นว่า เป็นพราหมณ์.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุอริยผลทั้งหลาย
มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น