วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

พราหมณวรรค:32. เรื่องพระสุนทรสมุทรเถระ



32. เรื่องพระสุนทรสมุทรเถระ

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพระสุนทรสมุทรเถระ  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  โยธ  กาเม  เป็นต้น

ในกรุงสาวัตถี  มีชายคนหนึ่งชื่อสุนทรสมุทร  เป็นบุตรของเศรษฐี  มีทรัพย์สมบัติ  40 โกฏิ  ต่อมาสุนทรสมุทรนี้ได้ออกบวช  และได้ออกเดินทางไปปฏิบัติธรรมในกรุงราชคฤห์  ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงสาวัตถีประมาณ  45  โยชน์

อยู่มาวันหนึ่ง  มีการจัดงานเทศกาลอย่างหนึ่งขึ้นในกรุงสาวัตถี  บิดามารดาของพระสุนทรสมุทรคิดถึงบุตรชายมากถึงกับร้องไห้ออกมา  เพราะนึกเสียดายว่าคิดว่าหากบุตรยังไม่บวชก็จะออกไปเที่ยวสนุกสนานในงานเทศกาลนี้  ขณะที่คคนทั้งสองนั่งร้องไห้อยู่นั้น  ก็มีหญิงแพศยานางหนึ่งเข้ามาถามถึงสาเหตุที่คนทั้งสองร้องไห้  เมื่อได้ฟังว่าร้องไห้ถึงบุตรชายที่ออกบวชนั้น นางก็ถามขึ้นว่า  หากนางสามารถสึกพระลูกชายออกมาครองชีวิตเป็นฆราวาสได้  ทั้งสองคนจะให้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนแก่นาง  ทั้งสองคนได้บอกกับนางว่า   จะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้   นางแพศยาก็จึงขอเงินจำนวนหนึ่งจากคนทั้งสองแล้วก็ออกเดินทางไปที่กรุงราชคฤห์ พร้อมด้วยผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง 

เมื่อเดินทางถึงกรุงราชคฤห์แล้ว  นางก็ได้เช่าปราสาท  7  ชั้นหลังหนึ่ง  ซึ่งตั้งอยู่ในเส้นทางที่พระสุนทรสมุทรจะบิณฑบาตผ่าน  นางได้ตระเตรียมอาหารดีๆไว้รอพระสุทรสมุทรเถระมาบิณฑบาต  ใน 2-3  วันแรกนางได้ยกอาหารมาถวายพระเถระตรงที่ประตูบ้าน  แต่ต่อมานางได้นิมนต์พระเถระเข้าไปรับอาหารบิณฑบาตข้างในบ้าน  ในช่วงนี้  นางได้ไปว่าจ้างพวกเด็กๆให้พากันมาเล่นอยู่ข้างนอกบ้านในช่วงเวลาที่พระเถระมารับบิณฑบาต เพื่อที่ว่านางจะหาเลศนัยใช้เป็นข้ออ้างว่ามีพวกเด็กๆมาเล่นกันฝุ่นฟุ้งและส่งเสียงอื้ออึงเมื่อนั่งอยู่ชั้นล่างของบ้าน สมควรที่พระเถระจะขึ้นไปนั่งอยู่เสียที่ชั้นที่สองของบ้าน   เมื่อพระเถระยอมปฏิบัติตามคำนิมนต์นั้นแล้ว  หญิงแพศยานั้นก็รีบเข้ามาปิดประตูสั่นดาล  แล้วนางก็เริ่มยั่วยวนพระเถระด้วยมารยาหญิง  นางได้กล่าวกับพระเถระว่า ท่านก็ยังหนุ่ม  ส่วนดิฉันก็ยังสาว  เราควรมาเป็นสมีภรรยากัน  เอาไว้เมื่อตอนชราจึงค่อยมาบวชเถิด  เมื่อพระเถระได้ยินคำพูดของนางแพศยา  ก็เกิดความสังเวชใจ  ว่าตนหลวมตัวทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพราะความประมาทเลินเล่อ  ในขณะนั้นเอง  พระศาสดาประทับนั่งอยู่ในพระเชตวัน  ทีห่างไกลจากจุดนั้นประมาณ 45  โยชน์  ทรงเห็นเหตุการณ์ด้วยพระญาณวิเศษ     ได้ทรงกระทำความยิ้มแย้มออกมา  เมื่อพระอานนทเถระกราบทูลถามถึงสาเหตุของการที่ทรงยิ้มแย้มนั้น  ได้ตรัสว่า อานนท์  สงครามระหว่างภิกษุชื่อสุนทรสมุทร  กับหญิงแพศยา  กำลังเปิดฉากขึ้น  บนปราสาท 7 ชั้น  ในกรุงราชคฤห์  พระอานนทเถระทูลถามว่า  ใครจะชนะ  ใครจะแพ้  พระศาสดาตรัสว่า ฝ่ายสุนทรสมุทรจะชนะ  ฝ่ายหญิงแพศยาจะแพ้  จากนั้น  พระศาสดาได้เปล่งรัศมีไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าของพระสุนทรเถระ  แล้วตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

โยธ  กาเม  ปหนฺตฺวาน
อนาคาโร  ปริพฺพเช
กามภวปริกฺขีณํ
ตมหํ  พฺรูมิ  พฺราหฺมณํ ฯ

บุคคลใดละกามทั้งหลายในโลกนี้แล้ว
เป็นผู้ไม่มีเรือน  งดเว้นเสียได้
เราเรียกบุคคลนั้น  ผู้มีกามและภพสิ้นแล้ว
ว่า  เป็นพราหมณ์.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   พระเถระ  บรรลุพระอรหัตตผล.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น