32. เรื่องพระสุนทรสมุทรเถระ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภพระสุนทรสมุทรเถระ
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า โยธ กาเม
เป็นต้น
ในกรุงสาวัตถี
มีชายคนหนึ่งชื่อสุนทรสมุทร
เป็นบุตรของเศรษฐี
มีทรัพย์สมบัติ 40
โกฏิ ต่อมาสุนทรสมุทรนี้ได้ออกบวช และได้ออกเดินทางไปปฏิบัติธรรมในกรุงราชคฤห์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงสาวัตถีประมาณ 45 โยชน์
อยู่มาวันหนึ่ง
มีการจัดงานเทศกาลอย่างหนึ่งขึ้นในกรุงสาวัตถี
บิดามารดาของพระสุนทรสมุทรคิดถึงบุตรชายมากถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะนึกเสียดายว่าคิดว่าหากบุตรยังไม่บวชก็จะออกไปเที่ยวสนุกสนานในงานเทศกาลนี้ ขณะที่คคนทั้งสองนั่งร้องไห้อยู่นั้น
ก็มีหญิงแพศยานางหนึ่งเข้ามาถามถึงสาเหตุที่คนทั้งสองร้องไห้ เมื่อได้ฟังว่าร้องไห้ถึงบุตรชายที่ออกบวชนั้น
นางก็ถามขึ้นว่า
หากนางสามารถสึกพระลูกชายออกมาครองชีวิตเป็นฆราวาสได้ ทั้งสองคนจะให้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนแก่นาง ทั้งสองคนได้บอกกับนางว่า จะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้
นางแพศยาก็จึงขอเงินจำนวนหนึ่งจากคนทั้งสองแล้วก็ออกเดินทางไปที่กรุงราชคฤห์
พร้อมด้วยผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง
เมื่อเดินทางถึงกรุงราชคฤห์แล้ว นางก็ได้เช่าปราสาท 7
ชั้นหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเส้นทางที่พระสุนทรสมุทรจะบิณฑบาตผ่าน
นางได้ตระเตรียมอาหารดีๆไว้รอพระสุทรสมุทรเถระมาบิณฑบาต ใน 2-3
วันแรกนางได้ยกอาหารมาถวายพระเถระตรงที่ประตูบ้าน
แต่ต่อมานางได้นิมนต์พระเถระเข้าไปรับอาหารบิณฑบาตข้างในบ้าน ในช่วงนี้
นางได้ไปว่าจ้างพวกเด็กๆให้พากันมาเล่นอยู่ข้างนอกบ้านในช่วงเวลาที่พระเถระมารับบิณฑบาต
เพื่อที่ว่านางจะหาเลศนัยใช้เป็นข้ออ้างว่ามีพวกเด็กๆมาเล่นกันฝุ่นฟุ้งและส่งเสียงอื้ออึงเมื่อนั่งอยู่ชั้นล่างของบ้าน
สมควรที่พระเถระจะขึ้นไปนั่งอยู่เสียที่ชั้นที่สองของบ้าน เมื่อพระเถระยอมปฏิบัติตามคำนิมนต์นั้นแล้ว หญิงแพศยานั้นก็รีบเข้ามาปิดประตูสั่นดาล
แล้วนางก็เริ่มยั่วยวนพระเถระด้วยมารยาหญิง นางได้กล่าวกับพระเถระว่า ท่านก็ยังหนุ่ม ส่วนดิฉันก็ยังสาว เราควรมาเป็นสมีภรรยากัน เอาไว้เมื่อตอนชราจึงค่อยมาบวชเถิด เมื่อพระเถระได้ยินคำพูดของนางแพศยา ก็เกิดความสังเวชใจ
ว่าตนหลวมตัวทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพราะความประมาทเลินเล่อ ในขณะนั้นเอง
พระศาสดาประทับนั่งอยู่ในพระเชตวัน
ทีห่างไกลจากจุดนั้นประมาณ 45 โยชน์
ทรงเห็นเหตุการณ์ด้วยพระญาณวิเศษ
ได้ทรงกระทำความยิ้มแย้มออกมา
เมื่อพระอานนทเถระกราบทูลถามถึงสาเหตุของการที่ทรงยิ้มแย้มนั้น ได้ตรัสว่า “อานนท์
สงครามระหว่างภิกษุชื่อสุนทรสมุทร
กับหญิงแพศยา
กำลังเปิดฉากขึ้น บนปราสาท 7
ชั้น ในกรุงราชคฤห์”
พระอานนทเถระทูลถามว่า “ใครจะชนะ
ใครจะแพ้” พระศาสดาตรัสว่า “ฝ่ายสุนทรสมุทรจะชนะ ฝ่ายหญิงแพศยาจะแพ้”
จากนั้น
พระศาสดาได้เปล่งรัศมีไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าของพระสุนทรเถระ แล้วตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
โยธ
กาเม ปหนฺตฺวาน
อนาคาโร
ปริพฺพเช
กามภวปริกฺขีณํ
ตมหํ
พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ฯ
บุคคลใดละกามทั้งหลายในโลกนี้แล้ว
เป็นผู้ไม่มีเรือน งดเว้นเสียได้
เราเรียกบุคคลนั้น ผู้มีกามและภพสิ้นแล้ว
ว่า
เป็นพราหมณ์.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง พระเถระ
บรรลุพระอรหัตตผล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น