วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

นิรยวรรค:06.เรื่องหญิงขี้หึง



06.เรื่องหญิงขี้หึง

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภหญิงขี้หึง   ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  อกดํ  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง   หญิงผู้หนึ่งในกรุงสาวัตถี  เป็นหญิงขี้หึงอย่างรุนแรง  วันหนึ่ง   นางมีความหึงหวงที่สามีมีเพศสัมพันธ์กับหญิงคนรับใช้  ดังนั้น  ในวันหนึ่ง จึงจับหญิงรับใช้นั้นมามัดมือมัดเท้า  ตัดหูและตัดจมูก แล้วกักขังไว้ในห้องว่างห้องหนึ่ง  ปิดประตูอย่างแน่นหนา  แล้วชวนสามีไปฟังธรรมที่วัดพระเชตวัน  หลังจากที่หญิงนี้กับสามีคล้อยหลังไปไม่นาน  ก็มีพวกญาติๆของหญิงรับใช้นี้มาที่บ้าน  และพบว่าหญิงรับใช้นี้ถูกผูกมัดและกักขังอยู่ในห้อง  ก็ได้ช่วยกันพังประตูเข้าไป  ช่วยกันแก้มัด   พาออกมาจากห้องนั้น  แล้วก็ได้พากันไปที่วัดพระเชตวัน  ในช่วงเวลาพอดีกับที่พระศาสดากำลังทรงแสดงธรรมอยู่   หญิงรับใช้นั้นได้กราบทูลพระศาสดาถึงเรื่องที่นายสาวของนางได้ก่อกรรมทำเข็ญกับนางทุกอย่าง  พระศาสดา  ทรงสดับคำของหญิงรับใช้นั้นแล้ว  ตรัสว่า  ขึ้นชื่อว่าทุจริต  แม้เพียงเล็กน้อย  บุคคลไม่ควรทำ  ด้วยความสำคัญว่า ชนเหล่าอื่นย่อมไม่รู้การกระทำนี้ของเรา  ส่วนสุจริตนั่นแหละ  เมื่อคนอื่นแม้ไม่รู้  ก็ควรทำ  เพราะขึ้นชื่อว่าทุจริต  แม้บุคคลปกปิดทำ ย่อมทำการตามเผาผลาญในภายหลัง  ส่วนสุจริตย่อมยังความปราโมทย์อย่างเดียวให้เกิดขึ้น” 

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

อกตํ  ทุกฺกตํ  เสยฺโย
ปจฺฉา  ตปฺปติ  ทุกฺกฏํ
กตญฺจ  สุกตํ  เสยฺโย
ยํ กตฺวา  นานุตปฺปติ ฯ

กรรมชั่ว  ไม่ทำเสียเลยดีกว่า
เพราะกรรมชั่ว  ย่อมเผาผลาญในภายหลัง
ส่วนบุคคลทำกรรมใดแล้ว  ไม่ตามเดือดร้อน
กรรมนั้น  เป็นกรรมดี  อันบุคคลทำแล้วดีกว่า.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  อุบาสกและหญิงนั้น  บรรลุโสดาปัตติผล  ชนทั้หลายปลดปล่อยหญิงรับใช้นั้นให้เป็นไทย  และทำให้เป็นหญิงมีปกติประพฤติธรรม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น