วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

ตัณหาวรรค:10. เรื่องท้าวสักกเทวราช



10. เรื่องท้าวสักกเทวราช

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภท้าวสักกเทวราช ตรัสพระธรรมเทศฯนี้ว่า  สพฺพทานํ  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง  เทพดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  ประชุมกันแล้วตั้งปัญหาถามกัน  4  ข้อ คือ 1. บรรดาทานทั้งหลาย  ทานชนิดไหนหนอแล ? บัณฑิตกล่าว่าเยี่ยม 2. บรรดารสทั้งหลาย  รสชนิดไหน? บัณฑิตกล่าวว่ายอด  3. บรรดาความยินดีทั้งหลาย  ความยินดีชนิดไหน?  บัณฑิตกล่าวว่าเลิศ   4.  ความสิ้นไปแห่งตัณหา  บัณฑิตกล่าวว่า  ประเสริฐที่สุด  เพราะเหตุใด ? ปรากฏว่าไม่มีเทพดาตนใดตอบคำถามเหล่านี้ได้  ท้าวสักกเทวราช จึงได้ทรงพาเทพดาทั้งหลายไปทูลถามปัญญาทั้ง 4 ข้อเหล่านี้แด่พระศาสดา  ณ วัดพระเชตวัน  พระศาสดาตรัสว่า  ดีละ  มหาบพิตร  อาตมภาพบำเพ็ญบารมี 30 ทัศ  บริจาคมหาบริจาค  แทงตลอดพระสัมพัญญุตญาณแล้ว  เพื่อตัดความสงสัยของชนผู้เช่นพระองค์นี่แหละ  ขอพระองค์จงทรงสดับปัญญาที่พระองค์ถามแล้วเถิด  บรรดาทานทุกชนิด  ธรรมทานยอดเยี่ยม  บรรดารสทุกชนิด  รสแห่งธรรมเป็นยอด  บรรดาความยินดีทุกชนิด  ความยินดีในธรรมประเสริฐ   ส่วนความสิ้นไปแห่งตัณหาประเสริฐที่สุดแท้  เพราะความเป็นเหตุให้สัตว์บรรลุพระอรหัต

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

สพฺพทานํ  ธมฺมทานํ  ชินาติ
สพฺพรสํ  ธมฺมรโส  ชินาติ
สพฺพรตึ  ธมฺมรติ  ชินาติ
ตณฺหกฺขโย  สพฺพทุกฺขํ  ชินาติ 

ธรรมทาน  ย่อมชนะทานทั้งปวง
รสแห่งธรรม  ย่อมชนะรสทั้งปวง
ความยินดีในธรรม  ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง
ความสิ้นไปแห่งตัณหา  ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  การตรัสรู้ธรรม  ได้มีแก่สัตว์  8 หมื่น  4  พัน.

ท้าวสักกเทวราช  ทรงสดับธรรมกถาพระศาสดา  ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว  ทูลว่า พระเจ้าข้า  เพราะเหตุใด  พระองค์จึงไม่รับสั่งให้ๆส่วนบุญแก่พวกข้าพระองค์  ในธรรมทานอันชื่อว่าเยี่ยมอย่างนี้ ? จำเดิมแต่นี้ไป  ขอพระองค์ได้โปรดตรัสบอกแก่ภิกษุทั้งหลายให้ๆส่วนบุญแก่พวกข้าพระองค์เถิด  พระเจ้าข้า  พระศาสดาทรงรับคำของท้าวเธอแล้ว  รับสั่งให้ภิกษุสงฆ์ประชุมกันแล้ว  ตรัสว่า  ภิกษุทั้งหลาย  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  พวกเธอทำการฟังธรรมใหญ่ก็ดี  การฟังธรรมตามปกติก็ดี  กล่าวอุปนิสินนกถาก็ดี  โดยที่สุดแม้การอนุโมทนา  แล้วพึงให้ส่วนบุญแก่สัตว์ทั้งปวง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น