11.เรื่องกุหกพราหมณ์
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลา
ทรงปรารภกุหกพราหมณ์
ผู้มีวัตรดังค้างคาว ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า กินฺเต
เป็นต้น
ครั้งหนึ่ง
พราหมณ์หลอกลวงคนหนึ่ง
ปีนขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่ง
ที่อยู่ใกล้ประตูเมืองไพศาลี
แล้วเอาเท้าสองข้างเกี่ยวกิ่งไม้แล้วห้อยศีรษะลงมา ปากก็พร่ำบอกคนที่ผ่านไปผ่านมาว่า “ ท่านทั้งหลายจงให้โคแดง
100
ตัวแก่เรา จงให้กหาปณะแก่เรา จงให้หญิงบำเรอแก่เรา ถ้าทั้งหลายไม่นำมาให้ เราตกจากต้นกุ่มนี้ตาย บ้านเมืองนี้ก็จะวายวอด” พวกชาวเมืองกลัวว่าเขาจะตกมาตาย ก็พากันนำสิ่งของทั้งปวงที่เขาร้องขอนั้นไปให้
ภิกษุทั้งหลายเห็นพฤติกรรมของพราหมณ์ผู้นี้แล้ว ก็ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า “ ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์นั้น
เป็นโจรหลอกลวงในกาลนี้เท่านั้นหามิได้
ถึงในกาลก่อน
ก็เป็นโจรหลอกลวงแล้วเหมือนกัน
ก็บัดนี้
พราหมณ์นั้นย่อมหลอกลวงพาลชนได้
แต่ในกาลนั้น
ไม่อาจหลอกลวงบัณฑิตทั้งหลายได้” และได้ทรงนำเรื่องในอดีตมาเล่า
ซึ่งมีเนื้อความกล่าวถึงฤาษีติดใจในรสของเนื้อเหี้ยที่มีคนนำมาถวาย
จึงได้ลืมภาวะความเป็นฤาษีจะฆ่าเหี้ยเพื่อจะนำมาปรุงเป็นอาหารรับประทาน แต่เหี้ยพระโพธิสัตว์รู้ทัน จึงไม่สามารถฆ่าได้สำเร็จ จากนั้นพระศาสดา ได้ตรัสประมวลชาดกว่า ฤาษีเมื่อครั้งอดีตคือพราหมณ์หลอกลวงในบัดนี้ ส่วนเหี้ยในอดีตนั้นก็คือพระองค์เอง
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
พระคาถานี้ว่า
กินฺต
ชฏาหิ ทุมฺเมธ
กินเต
อชินสาฏิยา
อพฺภนฺตรนฺเต
คหนํ
พาหิรํ
ปริมชฺชสิ ฯ
ผู้มีปัญญาทราม
ประโยชน์อะไรด้วยชฎาทั้งหลายของเธอ
ประโยชน์อะไรด้วยผ้าที่ทำด้วยหนังเนื้อชื่ออชินะของเธอ
ภายในของเธอรกรุงรัง
เธอย่อมเกลี้ยงเกลาแต่ภายนอก
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุอริยผลทั้งหลาย
มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น