วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

ธัมมัฏฐวรรค:01.เรื่องมหาอำมาตย์ผู้วินิจฉัย



01.เรื่องมหาอำมาตย์ผู้วินิจฉัย

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภมหาอำมาตย์ผู้วินิจฉัย   ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า    เตน  โหติ  ธมฺมฏฺโฐ   เป็นต้น

ในวันหนึ่ง   พระภิกษุทั้งหลาย  เที่ยวบิณฑบาตในหมู่บ้าน  ใกล้ประตูด้านทิศอุดรของนครพาราณสี  กลับจากบิณฑบาตแล้ว   จะกลับไปที่วัดพระเชตวัน   เกิดฝนตกหนัก   จึงได้แวะไปพักรอฝนหยุดตก  ที่ศาลยุติธรรมแห่งหนึ่ง   ได้เห็นพฤติกรรมของมหาอำนาจผู้วินิจฉัยทั้งหลาย(พวกตุลาการ  หรือพวกผู้พิพากษา)  รับสินบน  ทำให้ผู้ผิดกลายเป็นผู้ถูก  จึงคิดว่า  พวกมหาอำมาตย์เหล่านี้ไม่ตั้งอยู่ธรรม  แต่พวกเรามีความสำคัญว่าเป็นผู้ทำการวินิจฉัยคดีโดยธรรม   เมื่อฝนหายตกแล้ว  มาถึงวัดพระเชตวัน  เข้าไปถวายบังคมพระศาสดา  กราบทูลสิ่งที่ได้พวกตนประสบให้พระศาสดาทรงทราบ  พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย  พวกมหาอำมาตย์ผู้วินิจฉัย   เป็นผู้ตกอยู่ในอำนาจอคติมีฉันทาคติเป็นต้น  ตัดสินคดีความโดยอำเภอใจ  ไม่ชื่อว่าเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม  ส่วนพวกที่ไต่สวนความผิดแล้ว  ตัดสินคดีความโดยปราศจากอคติ  ตามสมควรแก่ความผิดนั่นแหละ   เป็นผู้ชื่อว่าตั้งอยู่ในธรรม 

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท   สองพระคาถานี้ว่า
  เตน  โหติ  ธมฺมฏฺโฐ
เยนตฺถํ  สหสา  นเย
โย     อตฺถํ  อนตฺถญฺจ
อุโภ  นิจฺเฉยฺย  ปณฺฑิโต 

อสาหเสน  ธมฺเมน
สเมน  นยตี  ปเร
ธมฺมสฺส  คุตฺโต  เมธาวี
ธมฺมฏฺโฐติ  ปวุจฺจติ 

บุคคลตัดสินคดีความโดยอำเภอใจ
ผู้นั้นไม่ชื่อว่าตั้งอยู่ในธรรม
ส่วนผู้ใดเป็นบัณฑิต
พิจารณาทั้งข้อถูกและข้อผิด
ถึงจะตัดสินคดีความ.

บัณฑิต ไม่ตัดสินคดีความโดยอำเภอใจ
แต่โดยสอดคล้องกับหลักกฎหมาย
เป็นผู้คุ้มครองกฎหมาย
เรากล่าวว่า  เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริบผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น