05. เรื่องภิกษุผู้ไม่ยินดี
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุผู้ไม่ยินดี(ในพรหมจรรย์)
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า น กหาปณวสฺเสน
เป็นต้น
ในสมัยหนึ่ง
มีภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งอยู่ที่วัดพระเชตวัน
วันหนึ่ง พระอุปัชฌาย์ส่งให้ท่านไปศึกษาเล่าเรียนที่วัดอีกแห่งหนึ่ง
ขณะที่ภิกษุรูปนี้ไปอยู่ที่วัดแห่งใหม่นั้น
โยมบิดาของท่านเกิดป่วยหนักและได้เสียชีวิตในที่สุด ก่อนเสียชีวิตบิดาของภิกษุนี้ได้มอบทรัพย์เป็นจำนวนเงิน
100
กหาปณะไว้กับโยมลุงของพระภิกษุนี้ไว้
เมื่อภิกษุรูปนี้ไปพบโยมลุงก็บอกว่าโยมพ่อของภิกษุได้เสียชีวิตไปแล้วและได้ฝากเงินไว้ให้เป็นจำนวน
100
กหาปณะ
ในตอนแรกพระภิกษุนี้พูดว่าท่านไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินนี้ แต่ต่อมาท่านมีความเบื่อหน่ายในเพศบรรพชิต คิดอยากจะสึกออกไปเป็นฆราวาส
ไม่ยอมศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน ร่างกายผ่ายผอม พวกภิกษุหนุ่มและสามเณรน้อยเห็นผิดปกติ จึงเข้าไปสอบถาม เมื่อได้ความว่าอยากจะสึก
จึงนำความนั้นไปเรียนอาจารย์และพระอุปัชฌาย์ของพระภิกษุนั้น อาจารย์และอุปัชฌาย์
จึงนำพระภิกษุนั้นไปเข้าเฝ้าพระศาสดา
พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่าเป็นความจริงหรือไม่ที่ไม่ต้องการจะบวชเป็นภิกษุอยู่ต่อไป
และมีเงินทุนสำหรับเริ่มชีวิตการเป็นฆราวาสแล้วหรือยัง พระภิกษุนั้นกราบทูลว่าต้องการจะสึกจริงและมีเงินทุนสำหรับเริ่มชีวิตของฆราวาสจำนวน
100 กหาปณะแล้ว
พระศาสดาได้ทรงอธิบายให้ภิกษุนั้นฟังว่า
ในการดำเนินชีวิตเป็นฆราวาสนั้น จะต้องมีอาหาร มีโคสำหรับใช้สอย มีพืช
มีแอกและไถ มีจอบเสียม มีมีดขวาน
เป็นต้น
พระศาสดาลองให้พระภิกษุนั้นคำนวณดูว่าเงินทุนที่มีอยู่จำนวน 100
กหาปณะนั้นพอที่จะนำไปซื้อสิ่งของต่างๆดังกล่าวหรือไม่ และเมื่อภิกษุนั้นคำนวณแล้วปรากฏว่าเงินที่มีอยู่ไม่เพียงพอ พระศาสดาจึงตรัสว่า “ภิกษุ กหาปณะของเธอมีน้อยนัก เธออาศัยกหาปณะเหล่านั้น จักให้ความทะยานอยากเต็มขึ้นได้อย่างไร?”
และพระองค์ได้นำเรื่องของพระเจ้ามันธาตุราชในมันธาตุราชชาดกมาเล่าว่า “ได้ยินว่า
ในอดีตกาล บัณฑิตทั้งหลาย ครองจักรพรรดิราชสมบัติ สามารถจะยังฝนคือรัตนะ 7 ประการให้ตกลงมาเพียงสะเอวในที่ประมาณ 12
โยชน์ ด้วยการกระทำเพียงปรบมือ
แม้ครองราชสมบัติในเทวโลก
ตลอดกาลที่ท้าวสักกะ 36
พระองค์จุติไป ในเวลาตาย
ก็ยังความอยากให้เต็มไม่ได้เลย ได้ทำกาละแล้ว”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
สองพระคาถานี้ว่า
น
กหาปณวสฺเสน
ติตฺติ
กาเมสุ วิชฺชติ
อปฺปสฺสาทา
ทุกฺขา กามา
อิติ
วิญญาย ปณฺฑิโต.
อปิ
ทิพเพสุ กาเมสุ
รตึ
โส นาธิคจฺฉติ
ตญฺหกฺขยรโต
โหติ
สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก ฯ
ความอิ่มในกามทั้งหลาย
ย่อมไม่มีเพราะฝนคือกหาปณะ
กามทั้งหลายมีรสอร่อย มีทุกข์มาก
บัณฑิตรู้แจ้งดังนี้แล้ว ย่อมไม่ถึงความยินดี
ในกามทั้งหลายแม้ที่เป็นทิพย์
พระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธจ้า
ย่อมเป็นผู้ยินดีในความสิ้นไปแห่งตัณหา.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ภิกษุนั้น
บรรลุโสดาปัตติผล
พระธรรมเทศนามีประโยชน์แก่บริษัทที่มาประชุมกันแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น