09.เรื่องพระเจดีย์ทองของพระกัสสปทสพล
พระศาสดา
เมื่อเสด็จจาริกไป
ทรงปรารภพระเจดีย์ทองของพระกัสสปทสพล
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ปูชารเห
เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง
ขณะที่พระศาสดาเสด็จจาริกไปที่เมื่อพาราณสี พร้อมด้วยภิกษุทั้งหลาย ได้เสด็จถึงเทวสถานแห่งหนึ่ง ในที่ใกล้บ้านโตไทยคาม และในที่ไม่ไกลจากเทวสถานนั้น มีพราหมณ์ผู้หนึ่งกำลังไถนา เมื่อพระศาสดาทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์นั้น
ก็ได้ให้พระอานนท์ไปบอกพราหมณ์นั้นมาเข้าเฝ้า เมื่อมาถึง พราหมณ์นั้นไม่ยอมถวายบังคมพระศาสดา แต่กลับไปไหว้เทวสถานนั้น พระศาสดาตรัสกับเขาว่า “ดูก่อนพราหมณ์
ท่านไหว้สถานที่นี้
ได้ทำกรรมดีแล้ว” ภิกษุทั้งหลายได้สดับพุทธดำรัสนั้นแล้ว
จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมพระศาสดาจึงพูดเอาใจพราหมณ์ถึงขนาดนั้น
ข้างพราหมณ์พอได้ยินพุทธดำรัสก็เกิดความยินดี หลังจากทรงทำให้พราหมณ์เกิดปีติแล้ว
พระศาสดาได้เนรมิตเจดีย์ทองของพระกัสสปทสพล มีขนาดสูงหนึ่งโยชน์ ให้ลอยเด่นอยู่ในอากาศ ที่ใครๆสามารถมองเห็นได้ จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสว่า “ดูก่อนพราหมณ์ การบูชา ซึ่งบุคคลควรบูชาเช่นนี้ ย่อมสมควรกว่าแท้”
และได้ทรงแสดงปูชารหบุคคล 4
จำพวก คือ พระพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสาวก และ พระเจ้าจักรพรรดิ กับได้ตรัสบอกพระเจดีย์ 3
ประเภท คือ สรีรเจดีย์
อุททิสเจดีย์ และ ปริโภคเจดีย์
จากนั้น
ได้ตรัสพระธรรมบท สองพระคาถานี้ว่า
ปูชารเห
ปูชยโต
พุทฺเธ
ยทิจ สาวเก
ปปญฺจสมติกฺกนฺเต
ติณฺณโสกปริทฺทเว ฯ
เต
ตาทิเส ปูชยโต
นิพฺพุเต
อกุโตภเย
น
สกฺกา ปุญฺญํ สงฺขาตุ
อิเมตฺตมปิ
เกนจิ ฯ
ใครๆไม่อาจเพื่อจะนับบุญ
ของบุคคลผู้บูชาอยู่ ซึ่งท่านผู้ควรบูชา
คือ พระพุทธเจ้า
หรือว่าพระสาวกทั้งหลายด้วย
ผู้ก้าวล่วงปปัญจธรรมเครื่องเนิ่นช้าได้แล้ว
ผู้มีความเศร้าโศกและความคร่ำครวญ อันข้ามพ้นแล้ว
หรือว่าของบุคคลผู้บูชาอยู่
ซึ่งท่านผู้ควรบูชาเช่นนั้นเหล่านั้น
ผู้นิพพานแล้ว
ไม่มีภัยแต่ไหนๆ
ด้วยการนับแม้วิธีไรๆก็ตาม
ว่าบุญนี้มีประมาณเท่านี้.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง พราหมณ์นั้น
ได้เป็นพระโสดาบัน.
พระเจดีย์ทองสูงตั้งโยชน์
ได้ตั่งตระหง่านอยู่ในอากาศ ตลอด 7
วัน และมหาชนได้พากันมานมัสการพระเจดีย์นั้น เมื่อครบ
7
วัน เจดีย์ทองนั้นก็ได้หายไป มีเจดีย์ศิลาขนาดใหญ่ มาปรากฏอยู่แทน.
ประชาสัตว์
840,00 (ที่มาไหว้พระเจดีย์) ได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว ในสมาคมนั้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น