08.เรื่องพระกาลเถระ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภพระกาลเถระ
ตรัสพระธรรมเทศฯนี้ว่า “โย สาสนํ” เป็นต้น
ครั้งหนึ่ง
หญิงสูงอายุคนหนึ่งในกรุงสาวัตถี
รับอุปัฏฐากพระเถระชื่อว่ากาละเหมือนกับว่าเป็นบุตรชายของนางเอง อยู่มาวันหนึ่ง
หญิงผู้นี้ได้เห็นพวกเพื่อนบ้านไปฟังธรรมในสำนักพระศาสดา
กลับมาแล้วก็ได้กล่าวสรรเสริญพระศาสดาว่าทรงแสดงธรรมได้ไพเราะมาก
หญิงนั้นได้บอกกับพระกาลเถระว่านางอยากไปฟังธรรมของพระศาสดาบ้าง พระเถระห้ามนางไม่ให้ไป ในวันต่อๆมานางก็ขอไปอีกและก็ถูกห้ามจากพระเถระอีกถึง
3
ครั้ง แต่นางก็ยังต้องการจะไป อยู่มาวันหนึ่ง
นางแม้จะถูกห้ามปรามจากพระเถระก็ได้ตัดสินใจไป หลังจากที่ได้บอกกับบุตรสาวให้คอยดูแลพระเถระแล้ว นางก็ออกจากบ้านไปที่พระเชตวัน
เมื่อพระกาลเถระมารับบิณฑบาตที่บ้านตามปกติและรู้ว่าหญิงเจ้าของบ้านออกจากบ้านไปพระเชตวันเช่นนั้น ก็คิดว่า
หญิงนั้นสิ้นศรัทธาในตัวท่านเสียแล้ว
จึงได้รีบไปที่วัดพระเชตวัน
เห็นนางนั่งฟังธรรมอยุ่ในสำนักของพระศาสดา
ก็เข้าไปเฝ้าพระศาสดา
ถวายบังคมแล้ว กราบทูลว่า “พระเจ้าข้า หญิงคนนี้เขลา
ไม่เข้าใจธรรมกถาอันละเอียด
อย่าตรัสธรรมกถาอันละเอียดประกอบด้วยสภาวธรรมมีขันธ์เป็นต้น ตรัสแต่เพียงทานกถาหรือสีลกถาแก่นางก็พอ”
พระศาสดา
ทรงทราบอัชฌาสัยของพระเถระแล้ว
ตรัสว่า “เธอเป็นคนปัญหาโฉด อาศัยทิฏฐิอันชั่วช้า ห้ามปรามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เธอพยายามฆ่าตัวเอง”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
พระคาถานี้ว่า
ผลํ
เว กทลึ หนฺติ
ผลํ
เวฬํ ผลํ นฬํ
สกฺกาโร
กาปุริสํ
คพฺโภ
อสฺสตรึ ยถา ฯ
ผลนั้นแลย่อมฆ่าต้นกล้วยเสีย
ผลนั้นแลย่อมฆ่าไม้ใฝ่เสีย
ผลนั้นแลย่อมฆ่าไม้อ้อเสีย
ลูกในท้องย่อมฆ่าแม่ม้าอัสดรเสีย ฉันใด
สักการะก็ย่อมฆ่าบุรุษถ่อยเสีย ฉันนั้น.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง อุบาสิกาตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล เทศนาได้มีประโยชน์แก่บริษัทผู้มีประชุมกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น