08.เรื่องพระสารีบุตรเถระ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระสารีบุตรเถระ ตรัสพระธรรมบท
พระคาถาที่ 97 นี้
ภิกษุผู้อยู่ป่าเป็นวัตรจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ประมาณ 30 รูป เดินทางมาเฝ้าพระศาสดาที่วัดพระเชตวัน และพระศาสดาทรงทราบว่า
ภิกษุเหล่านี้มีศักยภาพที่จะได้บรรลุพระอรหัตตผล
ดังนั้นพระองค์จึงได้ตรัสเรียกพระสารีบุตรมาตรัสถามปัญหาต่อหน้าพระภิกษุเหล่านั้นว่า
“สารีบุตรเธอเชื่อไม่ว่า อินทรีย์คือศรัทธา อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมหยั่งถึงอมตะ มีอมตะเป็นที่สุด”
พระสารีบุตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า
เรื่องของการบรรลุพระนิพพานด้วยการเจริญอินทรีย์ทั้งหลายนี้
ข้าพระองค์ไม่เชื่อว่า โดยการเจริญอินทรีย์ทั้งหลาย
จะทำให้บุคคลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้นี้ มิใช่เพราะมีศรัทธาต่อพระองค์
มีแต่ผู้ที่มิได้รู้แจ้งเห็นจริงเท่านั้น ถึงจะยอมรับข้อเท็จจริงจากผู้อื่น” คำตอบของพระสารีบุตรไม่เป็นที่เข้าใจของภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่านั้นคิดว่า “พระสารีบุตรมีทิฏฐิที่ผิด
แม้แต่บัดนี้ก็มิได้มีศรัทธาต่อพระศาสดา”
พระศาสดาทรงอธิบายความหมายที่แท้จริงของคำตอบของพระสารีบุตรแก่ภิกษุเหล่านั้นว่า
“ภิกษุทั้งหลาย คำตอบของสารีบุตรก็คือว่า
สารีบุตรเชื่อว่านิพพานสามารถบรรลุได้โดยวิธีการเจริญอินทรีย์ทั้งหลาย
แต่ที่เชื่อเช่นนี้เนื่องจากการรู้แจ้งด้วยตัวเองและมิใช่เพราะตถาคตกล่าวหรือใครๆกล่าว
สารีบุตรมีศรัทธาในผลของกรรมดีและกรรมชั่ว”
จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 97 ว่า
อสทฺโธ อกตญฺญู จ
สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร
หตาวกาโส วนฺตาโส
ส เว อุตฺตมโปริโสฯ
ผู้ไม่เชื่อง่าย ผู้รู้นิพพาน
ผู้ทำลายความเชื่อมโยงของสังสารวัฏ
ผู้หมดโอกาสที่จะทำดีทำชั่ว
ผู้หมดกิเลสเป็นเหตุหวัง
ผู้เช่นนี้แลคือยอดคน(พระอรหันต์)
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ภิกษุประมาณ ๓๐ รูป ผู้อยู่ป่าเหล่านั้น
บรรลุพระอรหัตพ้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย
พระสัทธรรมเทศนายังมีประโยชน์ทั้งแก่มหาชนที่เหลือ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น