วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อรหันตวรรค:03. เรื่องพระเพฬัฏฐสีสเถระ



03. เรื่องพระเพฬัฏฐสีสเถระ

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภท่านเพฬัทฐสีสะ  ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 92 นี้

พระเพฬัฏฐสีสะ  ออกบิณฑบาตไปในหมู่บ้านมาแล้ว  ก็หยุดฉันภัตตาหารในระหว่างทาง  เมื่อฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว    ก็ได้ออกบิณฑบาตต่อ เพื่อรับภัตตาหารมามากยิ่งขึ้น  เมื่อท่านรวบรวมภัตตาหารเพียงพอแก่ความต้องการแล้ว  ก็กลับวัดแล้วนำข้าวสุกที่ได้ไปตากแห้งเก็บสะสมไว้  เมื่อทำเช่นนี้ท่านก็ไม่จำเป็นต้องออกไปบิณฑบาตทุกวัน  ท่านจะนั่งเข้าฌานอยู่เป็นเวลา 2-3 วัน เมื่อออกจากฌานแล้วท่านก็จะฉันข้าวตากที่เก็บไว้นั้น พวกภิกษุรู้เข้าก็ได้ติเตียนแล้วทูลความนั้นแด่พระศาสดา  นับแต่นั้นมาจึงได้มีพุทธบัญญัติห้ามภิกษุสะสมอาหารไว้รับประทาน

แต่สำหรับกรณีของพระเพฬัฏฐสีสะนั้น เนื่องจากท่านสะสมอาหารก่อนที่จะมีวินัยบัญญัติสิกขาบทนี้  และท่านมิได้สะสมเพราะความละโมบ แต่เป็นการสะสมเพื่อให้มีเวลาสำหรับเข้าฌาน  พระศาสดาจึงได้ทรงประกาศว่า พระเถระไม่มีโทษและท่านไม่ควรถูกติตียน

จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 92 ว่า

เยสํ สนฺนิจโย นตฺถิ
เย ปริญฺญาตโภชนา
สุญฺญโต อนิมิตฺโต จ
วิโมกฺโข เยส  โคจโร
อากาเสว สุกุนฺตานํ
คติ เคสํ ทุรนฺวยาฯ

ผู้ที่ไม่มีการสั่งสม
มีการกำหนดรู้อาหารที่จะบริโภค
มีสุญญตวิโมกข์ และอนิมิตตวิโมกข์ เป็นโคจร
เป็นผู้มีคติ(ทางไปทางมา) รู้ได้ยาก
เหมือนทางไปทางมาของเหล่านกในอากาศ.
 
 เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย  มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น