วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สหัสสวรรค:13.เรื่องนางกิสาโคตมี



13.เรื่องนางกิสาโคตมี

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภนางกิสาโคตมี ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 114 นี้

นางกิสาโคตมี เป็นธิดาของตระกูลเก่าแก่แห่งกรุงสาวัตถี ที่นางได้ชื่อว่า กิสาโคตมีเพราะมีรูปร่างบอบบาง นางแต่งงานกับบุตรเศรษฐี และให้กำเนิดบุตร 1 คน ต่อมาบุตรนั้นได้เสียชีวิตในช่วงที่กำลังหัดเดิน นางมีความเศร้าโศกเสียใจมีความอาลัยในบุตรมาก นางได้อุ้มบุตรที่เสียชีวิตนั้น เที่ยวตระเวนไปถามผู้คนบ้านโน้นบ้านนี้ ว่าจะต้องใช้ยาชนิดใดถึงจะรักษาบุตรให้กลับมามีชีวิตดังเดิมได้ ผู้คนที่เห็นต่างเข้าใจว่านางวิกลจริต แต่ก็มีบุรุษเป็นบัณฑิตคนหนึ่ง เห็นนางแล้วคิดว่า หญิงผู้นี้คงจะคลอดบุตรท้องแรก ไม่เคยเห็นคนตายมาก่อน ควรที่จะให้ความช่วยเหลือด้วยการแนะนำแนวทางที่ถูกที่ควรให้เขาจึงได้กล่าวกับนางว่า แม่หนู ฉันไม่รู้จักยาที่จะรักษาบุตรของนางหรอก แต่ฉันพอรู้จักคนผู้รู้จักยานั้น” “ผู้นั้นคือใครล่ะคะ” “พระศาสดานะสิ นางจงไปถามพระองค์เถิดนางจึงเดินทางไปเฝ้าพระศาสดาและทูลถามถึงยาที่จะนำมาใช้รักษาบุตรของนางให้กลับฟื้นคนคืนชีพดังเดิม

 พระศาสดาได้ตรัสบอกให้นางไปหาเมล็ดพรรณผักกาดจากบ้านของคนที่ยังไม่เคยมีผู้ใดเสียชีวิต นางก็ได้กระเตงศพลูกตระเวนไปตามบ้านโน้นบ้านนี้ถามหาเมล็ดพรรณผักกาดนั้น ทุกครัวเรือนต่างมีเมล็ดพรรณผักกาด แต่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ว่าจะต้องเป็นเมล็ดพรรณผักกาดในเรือนของคนที่ยังไม่เคยมีใครตายเลยเท่านั้น นางจึงได้เริ่มตระหนักว่าครอบครัวของนางมิใช่ครอบครัวเดียวที่ต้องเผชิญกับความตาย และทุกบ้านล้วนมีคนตายมากกว่าคนเป็น เมื่อนางคิดได้ดังนี้แล้ว ท่าทีของนางที่มีต่อบุตรที่เสียชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไป และได้เลิกยึดมั่นถือมั่นต่อซากศพของบุตร

นางจึงทิ้งศพบุตรไว้ในป่า แล้วไปยังสำนักพระศาสดา ถวายบังคมแล้วยืน ณ ที่สุดข้างหนึ่ง พระศาสดาตรัสถามนางว่า เธอได้เมล็ดพรรณผักกาดหยิบมือหนึ่งมาแล้วหรือ

นางกีสาโคตมีกราบทูลว่า ไม่ได้ พระเจ้าข้า เพราะในทุกบ้านล้วนมีคนตายมากกว่าคนเป็น

พระศาสดาตรัสว่า เธอเข้าใจว่า บุตรของเราเท่านั้นตาย ความตายนั่นเป็นสิ่งยั่งยืนสำหรับสัตว์ทั้งหลาย ด้วยว่า มัจจุราชฉุดคร่าสัตว์ทั้งหมด ผู้มีอัธยาศัยยังไม่เต็มเปี่ยมนั่นแลลงในสมุทรคืออบาย ดุจห้วงน้ำใหญ่ฉะนั้นนางกีสาโคตมีเมื่อสดับความข้อนี้แล้ว ก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล

หลังจากนั้นนางกีสาโคตมีได้ทูลขอบรรพชากับพระศาสดา และพระศาสดาได้ส่งนางไปบรรพชาในสำนักของนางภิกษุณี เมื่อนางได้อุปสมบทแล้วปรากฏชื่อว่า กีสาโคมตีเถรีวันหนึ่งเป็นเวรที่นางต้องไปจุดประทีปในโรงอุโบสถ นางเห็นเปลวประทีปลุกโพลงขึ้นและหรี่ลง ได้ถือเป็นอารมณ์ว่า สัตว์เหล่านี้ก็อย่างนั้นเหมือนกัน เกิดขึ้นและดับไปดังเปลวประทีป ผู้ถึงพระนิพพาน ไม่ปรากฏอย่างนั้น

พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎี ทรงแผ่พระรัศมีไป ประหนึ่งประทับนั่งตรัสตรงหน้านาง ตรัสว่า อย่างนั้นแหละ โคตมี สัตว์เหล่านั้น ย่อมเกิดและดับเหมือนประทีป ถึงพระนิพพานแล้ว ย่อมไม่ปรากฏอย่างนั้น ความเป็นอยู่แม้เพียงขณะเดียว ของผู้เห็นพระนิพพาน ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ 100 ปี ของผู้ไม่เห็นพระนิพพานอย่างนั้น

จากนั้น พระศาสดาได้ตรัส พระธรรมบท พระคาถาที่ 114 ว่า

      โย จ วสฺสสตํ ชีเว
      อปสฺสํ อมตํ ปทํ
      เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย
      ปสฺสโต อมตํ ปทํฯ

      ผู้ไม่เห็นทางอมตะ
      ถึงจะมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
      สู้ผู้เห็นทางอมตะ
      มีชีวิตอยู่แค่วันเดียว ไม่ได้.

เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง นางกีสาโคตมี ได้บรรลุพระอรหัตตผล พร้อมทั้งปฏิสัมภิทาทั้งหลาย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น