วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อัตตวรรค:01.เรื่องโพธิราชกุมาร



01.เรื่องโพธิราชกุมาร

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในเภสกฬาวัน  ทรงปรารภโพธิราชกุมาร  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  อตฺตานญฺเจ  เป็นต้น

โพธิราชกุมาร  รับสั่งให้สร้างปราสาทชื่อว่าโกกนท  (อ่านว่า โกกะนด, แปลว่าบัวแดง)  มีรูปร่างไม่เหมือนปราสาทอื่นๆบนพื้นแผ่นดิน  มีความตระหง่านตระการตา  ดุจว่าลอยอยู่บนนภากาศ  เมื่อปราสาทถูกสร้างสำเร็จแล้ว  พระราชกุมารได้ทรงทำการฉลองปราสาท ด้วยการกราบทูลเสด็จพระศาสดาเพื่อทรงรับอาหารบิณฑบาต  ในโอกาสอันเป็นมหามงคลนี้  พระราชกุมารได้ทรงตกแต่งปราสาทและประพรมในปราสาทด้วยของหอมที่ผสมกันสี่อย่าง และได้รับสั่งให้ปูพื้นปราสาทด้วยผ้าขาวตั้งแต่ธรณีประตูประสาทไปจนถึงห้องข้างใน  ด้วยเหตุพระราชกุมารยังไม่มีพระโอรสหรือพระธิดา พระองค์จึงได้ทรงตั้งสัตยาธิษฐานในเชิงเสี่ยงทายว่าหากพระองค์จะได้พระโอรสหรือพระธิดา ก็ขอให้พระศาสดาทรงเหยียบพระบาทลงที่ผ้าขาวที่รับสั่งให้ปูไว้นี้เถิด  เมื่อพระศาสดาเสด็จถึง  พระราชกุมารได้กราบทูลพระศาสดาให้เสด็จเข้าไปในห้องแห่งปราสาทถึงสามครั้ง  แต่พระศาสดาประทับยืนนิ่ง  และหันพระพักตร์ไปทางพระอานนท์   พระอานนท์เข้าใจในสัญญาณของพระศาสดา  จึงทูลให้พระราชกุมารทรงรื้อผ้าขาวออกจากบันไดที่ประตูทางเข้าของปราสาทเสียก่อน  เมื่อได้มีการดำเนินการรื้อผ้าขาวออกจากประตูทางเสด็จเรียบร้อย  พระศาสดาจึงเสด็จเข้าไปสู่ปราสาท   ต่อแต่นั้น  พระราชกุมารได้ทูลถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระศาสดา   จากนั้นได้ทูลถามพระศาสดาว่า  เพราะเหตุใดพระองค์จึงไม่ทรงเหยียบผ้าขาวที่ปูลาดไว้นั้น  พระศาสดาได้ตรัสถามกลับว่า  ที่พระราชกุมารทรงปูลาดผ้าไว้แล้วนั้น  ได้ตั้งสัตยาธิษฐานเป็นการเสี่ยงทายว่าหากพระองค์จะได้พระโอรสหรือพระธิดาก็ขอให้พระศาสดาทรงเหยียบที่ผ้าขาวนั้นใช่หรือไม่  เมื่อพระราชกุมารกราบทูลรับว่าใช่    พระศาสดาจึงตรัสว่า   พระราชกุมารและพระชายาจะไม่มีบุตรหรือธิดา  เพราะเคยกระทำกรรมชั่วมาในอดีตชาติ  และพระองค์ได้นำบุรพกรรมของพระราชกุมารและพระชายามาตรัสว่า

ในชาติหนึ่ง  พระราชกุมารและพระชายา พร้อมด้วยผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก   เสด็จโดยทางเรือใหญ่ไปในมหาสมุทร  เรือนั้นเกิดอับปาง  ทุกคนในเรือเสียชีวิตทั้งหมด  ผู้ที่รอดชีวิตมีเพียงสองคนคือพระราชกุมารและชายา  ผู้รอดชีวิตทั้งสองได้ไปอาศัยอยู่ที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง  และไม่มีอาหารอย่างอื่นรับประทาน  จึงได้เลี้ยงชีวิตด้วยการรับประทานไข่นกเผาไฟ  เมื่อไข่นกหมดแล้ว  ก็รับประทานลูกนกเผาไฟ  เมื่อลูกนกหมดแล้ว  ก็รับประทานพ่อนกและแม่นกเผาไฟ  ทั้งสองคนเลี้ยงชีวิตอยู่อย่างนี้  ตลอดปฐมวัย  มัชฌิมวัย  และปัจฉิมวัย   โดยที่ไม่รู้สึกว่าเป็นบาป  มัวแต่ประมาทในทั้งสามวัย  พระศาสดาได้ตรัสสรุปว่า ที่พระราชกุมารและชายาไม่มีโอรสและพระธิดานั้น  ก็เพราะทั้งสองมัวประมาทในวัยทั้งสาม  ราชกุมาร    พระศาสดาตรัส   ก็ในกาลนั้น  ถ้าพระองค์กับภรรยา  จักถึงความไม่ประมาท  แม้ในวัยหนึ่งไซร้  บุตรหรือธิดา  พึงเกิดขึ้นแม้ในวัยหนึ่ง  ก็ถ้าบรรดาท่านทั้งสองแม้คนหนึ่ง  จักได้เป็นผู้ไม่ประมาทแล้วไซร้  บุตรหรือธิดา จักอาศัยผู้ไม่ประมาทนั้นเกิดขึ้น  ราชกุมาร  ก็บุคคลเมื่อสำคัญตนว่า  เป็นที่รักอยู่  พึงไม่ประมาท  รักษาตนแม้ในวัยทั้งสาม  เมื่อไม่อาจรักษาได้อย่างนั้น  พึงรักษาให้ได้แม้ในวัยหนึ่ง
  
จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

อตฺตานญฺเจ  ปิยํ ชญฺญา
รกฺเขยฺย   นํ  สุรกฺขิตํ
ติณฺณมญฺญตรํ  ยามํ
ปฏิชคฺเคยฺย  ปณฺฑิโต ฯ

ถ้าบุคคลทราบว่าตนเป็นที่รัก
พึงรักษาตนนั้น  ให้เป็นอันรักษาด้วยดี
บัณฑิตพึงประคับประคองตน
 ตลอดยามทั้งสาม ยามใดยามหนึ่ง.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  โพธิราชกุมาร  ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว  พระธรรมเทศนาได้สำเร็จประโยชน์  แม้แก่บริษัทที่ประชุมกันแล้ว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น