02.เรื่องยมกปาฏิหาริย์
พระศาสดา
ทรงปรารภพวกเทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก
ที่พระทวารแห่งสังกัสสะนคร
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า เย ฌานปฺปสุตา
ธีรา เป็นต้น
สมัยหนึ่ง
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี
ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์
ตามคำท้าทายของพวกเดียรถีย์ หลังจากนั้นพระศาสดาได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พระพุทธมารดาที่ได้ไปเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตโดยมีพระนามว่าสันดุสิตได้เสด็จไปที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ด้วย พระศาสดาได้ทรงแสดงอภิธรรมโปรดเทวดาและพรหมในระหว่างเข้าพรรษาสามเดือน ส่งผลให้สันดุสิตเทพบุตรได้บรรลุโสดาบัน พร้อมด้วยเทวดาและพรหมอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก
ในระหว่างนั้น
พระสารีบุตรเถระจำพรรษาอยู่ที่เมืองสังกัสสะนคร ซึ่งมีระยะทางห่างจากกรุงสาวัตถีประมาณ 30
โยชน์
ในระหว่างสามเดือนที่อยู่ในเมืองสังกัสสะนครนี่เอง พระสารีบุตรเถระ ได้รับคำแนะนำจากพระศาสดาทุกระยะ
ถึงหัวข้อธรรมต่างๆของพระอภิธรรม
ที่พระศาสดาทรงแสดงแก่เหล่าเทวดาและพรหมทั้งหลายนั้น
ท่านจึงได้นำหัวข้อธรรมเหล่านั้นของพระอภิธรรม มาสอนแก่ภิกษุที่เป็นสัทธิวิหาริกของท่านจำนวน 500 รูป
จนครบทั้ง 7
ปกรณ์
ครั้นออกพรรษาแล้ว พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อเฝ้าพระศาสดา
จึงได้ทราบว่าพระศาสดาจะเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ตรงประตูเมืองสังกัสสะนคร
ในวันมหาปารณา(ออกพรรษา) พอถึงกำหนด
พระศาสดาทรงเปล่งพระฉัพพัณณรังสีจากพระวรกายของพระองค์ไปที่ประตูเมืองสังกัสสะนคร
ในค่ำคืนวันพระจันทร์เต็มดวงของเดือนอัสสยุชะ
พระศาสดาทรงแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดาและพรหมทั้งหลายเสด็จลงมา โดยพวกเทวดาลงทางบันไดทอง พวกมหาพรหมลงทางบันไดเงิน พระศาสดาเสด็จลงทางบันไดแก้วมณี
เทพบุตรนักฟ้อนชื่อปัญสิขะถือพิณสีเหลืองดุจผลมะตูมยืนอยู่ ณ
ข้างเบื้องขวา ทำการบูชาด้วยการฟ้อนรำแด่พระศาสดาแล้วลงมา มาตลิสังคาหกเทพบุตร ยืน ณ ข้างเบื้องซ้าย ถือของหอมและดอกไม้อันเป็นทิพย์ นมัสการทำการบูชาแล้วลงมา ท้าวมหาพรหมกั้นฉัตร ท้าวสุยามถือพัดวาลวีชนี พระศาสดาเสด็จลงมาพร้อมด้วยบริวารยศนี้ หยุดประทับอยู่ที่ประตูสังกัสสะนคร มหาชนโดยการนำของพระสารีบุตรเถระได้ไปรอรับเสด็จพระศาสดานิวัติคืนสู่โลกมนุษย์ ทั่วทั้งเมืองสังกัสสะนครสว่างไสวไปทั่ว แม้แต่พระสารีบุตรเถระ ได้มาถวายบังคมพระศาสดา
เพราะพระศาสดาเสด็จลงมาด้วยความโดดเด่นเป็นสง่าและมีความอลังการอย่างที่ไม่เคยพบเห็น
ณ ที่ใดมาก่อน และท่านได้กราบทูลว่า “พระเจ้าข้า
วันนี้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างรักและเทิดทูนพระองค์ทั้งนั้น”
พระศาสดาตรัสว่า “สารีบุตร
ชื่อว่าพระพุทธเจ้า
ผู้ประกอบด้วยคุณเห็นปานนี้
ย่อมเป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายโดยแท้”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
เย
ฌานปฺปสุตา ธีรา
เนกฺขมฺมูปสเม
รตา
เทวาปิ
เตสํ ปิหยนฺติ
สมฺพุทฺธานํ สตีมตํ ฯ
พระสัมพุทธเจ้าเหล่าใด
เป็นปราชญ์ ขวนขวายในฌาน
ยินดีแล้วในธรรมที่เข้าไปสงบ
ด้วยสามารถแห่งการออก
แม้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ก็ย่อมรักเทิดทูนพระสัมพุทธเจ้าเหล่านั้นผู้มีสติ.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง การรู้แจ้งธรรมบังเกิดแก่สัตว์ประมาณ 30
โกฏิ ภิกษุ 500
รูปผู้เป็นสัทธิวิหาริกของพระเถระ
ได้บรรลุอรหัตตผล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น