วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พุทธวรรค:02.เรื่องยมกปาฏิหาริย์



02.เรื่องยมกปาฏิหาริย์

พระศาสดา  ทรงปรารภพวกเทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก  ที่พระทวารแห่งสังกัสสะนคร  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  เย  ฌานปฺปสุตา  ธีรา  เป็นต้น

สมัยหนึ่ง  เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี  ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์  ตามคำท้าทายของพวกเดียรถีย์ หลังจากนั้นพระศาสดาได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์  พระพุทธมารดาที่ได้ไปเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตโดยมีพระนามว่าสันดุสิตได้เสด็จไปที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ด้วย  พระศาสดาได้ทรงแสดงอภิธรรมโปรดเทวดาและพรหมในระหว่างเข้าพรรษาสามเดือน  ส่งผลให้สันดุสิตเทพบุตรได้บรรลุโสดาบัน  พร้อมด้วยเทวดาและพรหมอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก

ในระหว่างนั้น  พระสารีบุตรเถระจำพรรษาอยู่ที่เมืองสังกัสสะนคร  ซึ่งมีระยะทางห่างจากกรุงสาวัตถีประมาณ 30 โยชน์    ในระหว่างสามเดือนที่อยู่ในเมืองสังกัสสะนครนี่เอง  พระสารีบุตรเถระ  ได้รับคำแนะนำจากพระศาสดาทุกระยะ ถึงหัวข้อธรรมต่างๆของพระอภิธรรม ที่พระศาสดาทรงแสดงแก่เหล่าเทวดาและพรหมทั้งหลายนั้น  ท่านจึงได้นำหัวข้อธรรมเหล่านั้นของพระอภิธรรม  มาสอนแก่ภิกษุที่เป็นสัทธิวิหาริกของท่านจำนวน  500 รูป   จนครบทั้ง 7 ปกรณ์

ครั้นออกพรรษาแล้ว  พระมหาโมคคัลลานเถระ  ได้ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  เพื่อเฝ้าพระศาสดา  จึงได้ทราบว่าพระศาสดาจะเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ตรงประตูเมืองสังกัสสะนคร ในวันมหาปารณา(ออกพรรษา) พอถึงกำหนด  พระศาสดาทรงเปล่งพระฉัพพัณณรังสีจากพระวรกายของพระองค์ไปที่ประตูเมืองสังกัสสะนคร ในค่ำคืนวันพระจันทร์เต็มดวงของเดือนอัสสยุชะ  พระศาสดาทรงแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดาและพรหมทั้งหลายเสด็จลงมา  โดยพวกเทวดาลงทางบันไดทอง  พวกมหาพรหมลงทางบันไดเงิน  พระศาสดาเสด็จลงทางบันไดแก้วมณี  เทพบุตรนักฟ้อนชื่อปัญสิขะถือพิณสีเหลืองดุจผลมะตูมยืนอยู่ ณ ข้างเบื้องขวา  ทำการบูชาด้วยการฟ้อนรำแด่พระศาสดาแล้วลงมา  มาตลิสังคาหกเทพบุตร  ยืน ณ ข้างเบื้องซ้าย  ถือของหอมและดอกไม้อันเป็นทิพย์  นมัสการทำการบูชาแล้วลงมา  ท้าวมหาพรหมกั้นฉัตร  ท้าวสุยามถือพัดวาลวีชนี  พระศาสดาเสด็จลงมาพร้อมด้วยบริวารยศนี้  หยุดประทับอยู่ที่ประตูสังกัสสะนคร  มหาชนโดยการนำของพระสารีบุตรเถระได้ไปรอรับเสด็จพระศาสดานิวัติคืนสู่โลกมนุษย์  ทั่วทั้งเมืองสังกัสสะนครสว่างไสวไปทั่ว  แม้แต่พระสารีบุตรเถระ  ได้มาถวายบังคมพระศาสดา  เพราะพระศาสดาเสด็จลงมาด้วยความโดดเด่นเป็นสง่าและมีความอลังการอย่างที่ไม่เคยพบเห็น ณ ที่ใดมาก่อน  และท่านได้กราบทูลว่า พระเจ้าข้า  วันนี้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างรักและเทิดทูนพระองค์ทั้งนั้น  พระศาสดาตรัสว่า   สารีบุตร  ชื่อว่าพระพุทธเจ้า  ผู้ประกอบด้วยคุณเห็นปานนี้  ย่อมเป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายโดยแท้ 

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

เย  ฌานปฺปสุตา  ธีรา
เนกฺขมฺมูปสเม  รตา
เทวาปิ  เตสํ  ปิหยนฺติ
สมฺพุทฺธานํ สตีมตํ ฯ

พระสัมพุทธเจ้าเหล่าใด
เป็นปราชญ์ ขวนขวายในฌาน
ยินดีแล้วในธรรมที่เข้าไปสงบ
ด้วยสามารถแห่งการออก
แม้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ก็ย่อมรักเทิดทูนพระสัมพุทธเจ้าเหล่านั้นผู้มีสติ.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  การรู้แจ้งธรรมบังเกิดแก่สัตว์ประมาณ 30 โกฏิ  ภิกษุ 500 รูปผู้เป็นสัทธิวิหาริกของพระเถระ  ได้บรรลุอรหัตตผล.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น