08.เรื่องพระอนาคามิเถระ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภพระเถระผู้อนาคามีองค์หนึ่ง
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ฉนฺทชาโต เป็นต้น
วันหนึ่ง
พวกสัทธิวิหาริก
ถามพระเถะผู้อุปัชฌายะว่า “ท่านอาจารย์ ท่านบรรลุธรรมพิเศษอะไรแล้วหรือยัง ?” พระเถระผู้อุปัชฌายะไม่ได้ตอบอะไร
ทั้งๆที่ท่านเป็นผู้ได้บรรลุอนาคามี
ที่พระเถระไม่บอกเพราะตั้งใจไว้ว่าจะบอกก็ต่อเมื่อท่านได้บรรลุพระอรหัตตผลแล้วเท่านั้น
แต่ในที่สุดพระเถระได้มรณภาพโดยที่ยังไม่ได้บรรลุพระอรหัตตผล
และท่านก็ยังไม่ได้บอกเรื่องบรรลุคุณวิเศษแก่เหล่าสัทธิวิหาริก
พวกสัทธิวิหาริก
คิดกันว่าอุปัชฌายะของพวกตนมรณภาพโดยที่ยังไม่ได้บรรลุมรรคผลใดๆ ก็มีความเสียใจ พากันไปเข้าเฝ้าพระศาสดา
แล้วทูลถามที่เกิดของอุปัชฌายะของพวกตน
พระศาสดาตรัสว่า
อุปัชฌายะของพระเหล่านั้น
เป็นพระอนาคามีก่อนจะมรณภาพ
และได้ไปเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ในตอนท้ายได้ตรัสว่า “วางใจเสียเถิด ภิกษุทั้งหลาย
อุปัชฌายะของพวกเธอ
ถึงความเป็นผู้มีจิตไม่เกี่ยวเกาะในกามทั้งหลาย มีกระแสในเบื้องบน”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
พระคาถานี้ว่า
ฉนฺทชาโต
อนกฺขาเต
มนสา
จ ผุโฏ สิยา
กาเมสุ
อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต
อุทฺธํโสโตติ
วุจจติ ฯ
ภิกษุ
ผู้มีฉันทะเกิดแล้ว
ในพระนิพพานอันใครๆบอกไม่ได้
พึงเป็นผู้อันใจถูกต้องแล้วก็ดี
ผู้มีจิตไม่เกี่ยวเกาะในกามทั้งหลายก็ดี
ท่านเรียกว่า
ผู้มีกระแสในเบื้องบน.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ภิกษุเหล่านั้น บรรลุพระอรหัตตผล พระธรรมเทศนา
เป็นประโยชน์แก่มหาชน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น