01.เรื่องบรรพชิต 3 รูป
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภบรรพชิต 3 รูป
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า อโยเค ยุญฺชมตฺตานํ
เป็นต้น
ครั้งหนึ่ง
ที่กรุงสาวัตถี
บุตรคนเดียวของครอบครัว
ออกบวชเป็นภิกษุก่อน ไปอยู่ในสำนักของภิกษุ ต่อมาบิดาก็ออกบวชตามบุตร ไปอยู่ในสำนักของภิกษุเช่นเดียวกับบุตร ต่อมามารดาก็ตามสามีและบุตรไปบวชเป็นภิกษุณี
อยู่ในสำนักภิกษุณี ทั้งสามคนแม้จะบวชแล้วก็ยังไปมาหาสู่กัน
วันๆหมดไปด้วยการไปพบปะสนทนากันอยู่เป็นประจำ ในสำนักของภิกษุบ้าง ในสำนักของภิกษุณีบ้าง
จนเป็นที่เดือนร้อนรบกวนแก่ภิกษุและภิกษุณีอื่นๆ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลพฤติกรรมของบรรพชิตทั้งสามแด่พระศาสดา
และพระศาสดาได้ตรัสเรียกบรรพชิตทั้งสามรูปนั้นมาว่ากล่าวตักเตือน แล้วตรัสว่า “ชื่อว่าการทำเช่นนี้ จำเดิมแต่กาลแห่งตนบวชแล้ว ไม่ควร
เพราะว่า
การเห็นสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก
และการเห็นสัตว์และสังขารอันไม่เป็นที่รัก
เป็นทุกข์โดยแท้ เหตุนั้น
การทำสัตว์และสังขารทั้งหลายอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เป็นที่รัก
หรือไม่ให้เป็นที่รัก ย่อมไม่ควร”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
สามพระคาถานี้ว่า
อโยเค
ยุญชมตฺตานํ
โยคสฺมิญฺจ
อโยชยํ
อตฺถํ
หิตฺวา ปิยคฺคาหี
ปิเหตตฺตานุโยคินํ ฯ
มา
ปิเยหิ สมาคญฺฉิ
อปฺปิเยหิ
กุทาจนํ
ปิยานํ
อทสฺสนํ ทุกฺขํ
อปฺปิยานญฺจ
ทสฺสนํ ฯ
ตสฺมา
ปิยํ น กยิราถ
ปิยาปิโย
หิ ปาปโก
คนฺถา
เตสํ น วิชฺชนฺติ
เยสํ
นตฺถิ ปิยาปิยํ ฯ
บุคคล ประกอบตนไว้ในสิ่งอันไม่ควรประกอบ
และไม่ประกอบไว้ในสิ่งอันควรประกอบ
ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์
ถือเอาอารมณ์อันเป็นที่รัก
ย่อมทะเยอทะยาน
ต่อบุคคลผู้ตามประกอบตน.
บุคคลอย่าสมาคมกับสัตว์และสังขารทั้งหลาย
อันเป็นที่รัก(และ) อันไม่เป็นที่รัก ในกาลไหนๆ
เพราะว่า
การไม่เห็นสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก
เป็นทุกข์.
เพราะเหตุนั้น
บุคคลไม่พึงกระทำสัตว์หรือสังขาร
ให้เป็นที่รัก
เพราะความพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก
เป็นการต่ำทราม
กิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งหลาย
ของเหล่าบุคคลผู้มีอารมณ์อันเป็นที่รักและไม่เป็นที่รัก ย่อมไม่มี.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุอริยผลทั้งหลาย
มีโสดปัตติผลเป็นต้น ฝ่ายชนทั้ง 3 นั้นคิดว่า
พวกเราไม่อาจอยู่พรากกันได้
ไปสึกออกไปอยู่บ้านตามเดิม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น