14.เรื่องพระพหุปุตติกาเถรี
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภพระพหุปุตติกาเถรี ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 115
นี้
ครั้งหนึ่ง ในนครสาวัตถี มีตระกูลหนึ่ง
มีบุตรชาย 7
คนและบุตรสาว 7 คน
บุตรชายและบุตรสาวทั้ง 14
คนเมื่อเจริญวัยแล้ว ก็ได้แต่งงานและดำรงครอบครัวมีความสุขตามอัตภาพ ต่อมาบิดาของคนเหล่านั้นได้เสียชีวิตลง
มารดาก็ยังเก็บสมบัติทั้งหมดเอาไว้โดยที่มิได้แบ่งให้แก่บุตรชายและบุตรสาวแต่อย่างใด
บุตรชายและบุตรสาวทั้งหลายต่างต้องการมรดกจึงได้กล่าวกับมารดาว่า “จะมีประโยชน์อะไรที่แม่ต้องเก็บมรดกนี้ไว้
แม่ควรแบ่งมรดกให้แก่พวกเรา พวกเราก็จะช่วยกันคอยดูแลแม่” พวกบุตรชายและบุตรหญิงต่างช่วยกันพูดกรอกหูมารดาอยู่ทุกวัน
จนฝ่ายมารดาเชื่อว่าพวกเขาจะเลี้ยงดูตน
นางจึงตัดสินใจแบ่งมรดกทั้งหมดให้แก่บุตรและธิดา
โดยที่มิได้เก็บส่วนใดไว้สำหรับตนเองเลย
หลังจากที่ได้แบ่งมรดกกันไปเรียบร้อยแล้ว
นางผู้มารดาก็ได้ไปอยู่กับบุตรชายคนหัวปีเป็นคนแรก ลูกสะใภ้คนโตได้บ่นว่า “คุณแม่มาอยู่กับพวกเราที่นี่
ราวกับว่าแบ่งมรดกให้เรา 2
ส่วน กระนั้นแหละ” เมื่อได้ยินลูกสะใภ้คนโตพูดกระแนะกะแหนอย่างนั้น
นางก็ได้ออกจากบ้านบุตรชายคนโตไปอยู่ที่บ้านของบุตรชายคนรอง
แต่ก็ต้องพบกับคำบ่นว่ากระแนะกระแหนแบบเดียวกันนั้น ไม่ว่าจะไปที่บ้านใคร
จะเป็นบ้านบุตรชายและบุตรสาวคนไหน
ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยาแบบเดียวกันหมดคือไม่ประสงค์จะเลี้ยงดูนาง
เมื่อนางถูกดูหมิ่นเช่นนี้ คิดว่า “เรื่องอะไรเราถึงจะไปอยู่ตามบ้านของพวกลูกๆเหล่านี้
เราควรออกบวชเป็นภิกษุณี”
แล้วไปสู่สำนักของนางภิกษุณีขอบรรพชา
ซึ่งนางภิกษุณีเหล่านั้นก็ไม่ขัดข้องได้ให้นางบรรพชาตามความปรารถนา
เมื่อนางได้อุปสมบทเป็นภิกษุณีแล้ว จึงมีชื่อว่า “พหุปุตติกาเถรี(พระเถรีผู้มีบุตรมาก)"
นางมีความคิดว่า “เรามาบวชตอนแก่
เราไม่ควรประมาท” จึงใช้ความบากบั่นบำเพ็ญสมณธรรมตลอดคืนยังรุ่ง
โดยนึกอยู่เสมอว่า “จักทำตามธรรมที่พระศาสดาทรงแสดง”
พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎี
ทรงแผ่พระรัศมีไปดังประทับนั่งตรงหน้า ตรัสกับนางว่า “พหุปุตติกา
ความเป็นอยู่แม้ครู่เดียว ของผู้เห็นธรรมที่เราแสดง ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ 100 ปี
ของผู้ไม่นึกถึง ไม่เห็นธรรมที่เราแสดง”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 115
ว่า
โย จ วสฺสสตํ ชีเว
อปสฺสํ ธมฺมมุตฺตมํ
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย
ปสฺสโต ธมฺมมุตตมํฯ
ผู้ไม่เห็นธรรมอันสูงสุด
ถึงมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
สู้ผู้เห็นธรรมอันสูงสุด
มีชีวิตอยู่แค่วันเดียว ไม่ได้.
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง พระพหุปุตติกาเถรี ได้บรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น