วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ทัณฑวรรค:10.เรื่องพระปิโลติกเถระ



10.เรื่องพระปิโลติกเถระ

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพระปิโลติกเถระ  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  หิรินิเสโธ   ปุริโส   เป็นต้น

ในวันหนึ่ง  พระอานนทเถระไปพบทารกคนหนึ่งนุ่งผ้าเก่า  ถือกระเบื้องเที่ยวขอทานอยู่  เกิดความเวทนาสงสาร จึงชักชวนให้มาบวชเป็นสามเณร โดยท่านเองเป็นผู้บวชให้  ก่อนจะบวชให้เป็นสามเณร  พระอานนทเถระได้นำผ้านุ่งเก่าและกระเบื้องขอทานเก่าของสามเณรไปแขวนไว้ที่กิ่งของต้นไม้ต้นหนึ่ง  เพราะเห็นว่ามันเก่าจนไม่สามารถจะนำไปใช้สอยได้แล้ว  

เมื่อสามเณรได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ก็ได้นามว่า  ปิโลติกติสสะ ท่านได้ฉันอาหารที่อุดมสมบูรณ์ในวัด  ร่างกายก็อ้วนท้วนสมบูรณ์แข็งแรง   มีความรู้สึกทางเพศขึ้นมา  ไม่ต้องการอยู่ในเพศนักบวชต่อไป  ต้องการสึกไปเป็นฆราวาส  จึงไปที่ต้นไม้ต้นที่พระอานนท์แขวนผ้านุ่งเก่าและกระเบื้องขอทานของตนเอาไว้นั้น  เอามือไปลูบคลำผ้านุ่งเก่า  ทำผ้านั้นให้เป็นอารมณ์พระกัมมัฏฐาน  และให้โอวาทตนด้วยตนว่า  เจ้าผู้ไม่มีหิริ  หมดยางอาย  เจ้ายังปรารถนาเพื่อจะละทิ้งผ้าที่นุ่งห่มดีๆกลับไปนุ่งผ้าท่อนเก่านี้  มีมือถือกระเบื้องเที่ยวขอทานอีกหรือ

เมื่อท่านโอวาทตนอยู่นั่นแหละ  จิตใจก็ผ่องใส   ท่านจึงเก็บผ้านุ่งเก่าแขวนไว้ที่เดิม แล้วกลับวัด  และเมื่อใดที่ท่านนึกอยากสึกขึ้นมาอีก  ท่านก็จะไปที่ต้นไม้ เอามือคลำผ้านุ่ง และให้โอวาทเช่นเดิมนั้นอีก  เป็นอย่างนี้หลายสองสามวัน  พวกภิกษุเห็นท่านเดินไปๆมาๆอยู่อย่างนั้นจึงถามท่านว่า  ท่านไปไหนมา   ท่านบอกว่า  ไปสำนักอาจารย์  ต่อมาท่านไปทำเช่นนั้นจนในที่สุดได้บรรลุเป็นพระอรหันต์  ท่านก็จึงเลิกไป  ภิกษุทั้งหลายเห็นท่านไม่ไปทางนั้นอีก  ก็ได้ตั้งคำถามถามท่านว่า  ผู้มีอายุ  บัดนี้  ท่านไม่ไปสำนักอาจารย์หรือ ?  ทางนี้เป็นทางเที่ยวไปของท่านมิใช่หรือ?”  ท่านตอบว่า  ผู้มีอายุ  เมื่อความเกี่ยวข้องกับอาจารย์มีอยู่  ผมจึงไป  แต่บัดนี้  ผมตัดความเกี่ยวข้องได้แล้ว  ผมจึงไม่ไปสำนักอาจารย์   

พวกภิกษุจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระศาสดา  โดยกล่าวหาว่า พระปิโลติกเถระอวดอ้างตนว่าบรรลุพระอรหัตตผล  พระศาสดาตรัสว่า  ภิกษุทั้งหลาย  ถูกละ  บุตรของเรา  เมื่อความเกี่ยวข้องมีอยู่  จึงไปสำนักอาจารย์  แต่บัดนี้  ความเกี่ยวข้องเธอตัดได้แล้ว  เธอห้ามตนด้วยตนเอง  บรรลุพระอรหัตแล้ว

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  2 พระคาถานี้ว่า

หิรินิเสโธ  ปุริโส
โกจิ  โลกสฺมึ  วิชฺชติ
โย  นิทฺทํ  อปโพเธติ
อสฺโส  ภทฺโร  กสามิว ฯ

บุรุษผู้ห้ามอกุศลวิตกด้วยหิริได้  น้อยคนจะมีในโลก
บุคคลใด  กำจัดความหลับตื่นอยู่
เหมือนม้าดีหลบแส้ไม่ให้ถูกตน
บุคคลนั้น  หาได้ยาก.

อสฺโส  ยถา  ภทฺโร  กสานิวิฏฺโฐ
อาตาปิโน  สํเวคิโน  ภวาถ

สทฺธาย  สีเลน    วีริเยน จ
สมาธินา  ธมฺมวินิจฺฉเยน 
สมฺปนฺนวิชชาจรณา  ปฏิสฺสตา
ปหสฺสถ  ทุกฺขมิทํ  อนปฺปกํ 

ท่านทั้งหลาย  จงมีความเพียร  มีความสลดใจ
เหมือนม้าดีถูกเขาตีด้วยแส้แล้ว มีความบากบั่น ฉะนั้น
ท่านทั้งหลาย  เป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา  ศีล  วิริยะ  สมาธิ
และด้วยคุณเครื่องวินิจฉัยธรรม  มีวิชชา และจรณะถึงพร้อม
มีสติมั่นคง  จักละทุกข์อันมีประมาณไม่น้อยนี้ได้.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นมาก  บรรลุโสดาปัตติผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

1 ความคิดเห็น: