09.เรื่องนางจิญจมาณวิกา
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภนางจิญจมาณวิกา
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
เอกธมฺมมตีตสฺส เป็นต้น
ในปฐมโพธิกาล
พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรดแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
มีพวกเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายได้บรรลุอริยภูมิในชั้นต่างๆมีโสดาปัตติผลเป็นต้น
พระเกียรติคุณของพระศาสดาจึงได้ขจรขจายไปทั่วสารทิศ
ลาภและสักการะเป็นอันมากได้บังเกิดแด่พระศาสดา เป็นที่ริษยาของบรรดาเดียรถีร์ทั้งหลาย
คนเหล่านี้จึงได้วางแผนที่จะทำลายเกียรติภูมิชื่อเสียงของพระศาสดา
โดยใช้นางงามชื่อจิญจมาณวิกาหนึ่งในศิษย์คนสำคัญของพวกเดียรถีร์เป็นเครื่องมือ พวกเขากล่าวกับนางงามผู้นี้ว่า “น้องหญิง
ถ้าเจ้าปรารถนาความสุขแก่เราทั้งหลายไซร้
จงยังโทษให้เกิดขึ้นแก่พระสมณโคดมแล้ว
ยังลาภสักการะให้ฉิบหายเพราะอาศัยตน” ในเย็นวันนั้นเอง นางงามก็เริ่มทำตามแผน “นารีพิฆาต”
โดยนางมีมือถือดอกไม้และของหอมเป็นต้นเดินไปทางวัดพระเชตวัน เมื่อคนทั้งหลายถามนางว่าจะไปไหน นางก็ตอบว่า “พวกท่านอย่ารู้เลย”
จากนั้นนางก็ไปยังที่พำนักของพวกเดียรถีร์ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับวัดพระเชตวัน
และนางก็จะเดินกลับออกมาในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้นโดยทำทีประหนึ่งว่านางเข้าไปนอนค้างแรมในวัดพระเชตวัน เมื่อมีคนถามในช่วง 1-2
เดือนแรก นางก็จะบอกว่า “ข้าพเจ้าไปค้างแรมกับพระสมณโคดม ในพระคันธกุฎี
ในวัดพระเชตวัน” หลังจากเวลาผ่านไป 3-4
เดือน
นางก็นำผ้ามาผูกไว้ที่ท้องทำทีว่านางเริ่มตั้งครรภ์
และสร้างข่าวลือว่านางตั้งครรภ์กับพระศาสดา เมื่อเวลาผ่านไป 8-9
เดือน
นางก็นำไม้กลมๆมาผูกที่ท้องห่มผ้าทับไว้บ้างบน ให้ทุบหลังมือและเท้าด้วยไม้คางโค ให้มีอาการบวมตามร่างกาย เหมือนหญิงครรภ์แก่ใกล้คลอด จนถึงวันหนึ่ง
ในขณะที่พระศาสดาประทับนั่งแสดงธรรมบนธรรมาสน์ นางงามก็ไปสู่ธรรมสภา ยืนตรงพระพักตร์ของพระศาสดา กล่าว่า “มหาสมณะ พระองค์ดีแต่แสดงธรรมแก่มหาชน เสียงของพระองค์ไพเราะ พระโอษฐ์ของพระองค์สนิท ส่วนหม่อมฉัน
อาศัยพระองค์ได้เกิดมีครรภ์ครบกำหนดแล้ว
พระองค์ไม่ยอมจัดการหาสถานที่คลอดของหม่อมฉัน ไม่ทรงจัดหาอุปกรณ์เครื่องบริหารครรภ์มีเนยใสและน้ำมันเป็นต้น เมื่อไม่ทรงทำเอง ก็น่าตรัสบอกพระเจ้าโกศล อนาถบิณฑิกเศรษฐี
หรือนางวิสาขามหาอุบาสิกา คนใดคนหนึ่ง
จัดการให้
พระองค์ทรงรู้แต่จะอภิรมย์เท่านั้น
ไม่ทรงรู้ในการจัดการบริหารครรภ์” พระศาสดาทรงหยุดแสดงธรรมชั่วขณะ และตรัสว่า “ น้องหญิง
ความที่คำอันเจ้ากล่าวแล้ว
จะจริงหรือไม่
เราและเจ้าเท่านั้น ย่อมรู้”
นางงามตอบว่า “ ถูกต้อง
มหาสมณะ คนอื่นจะรู้ได้อย่างไร พระองค์และหม่อมฉันเท่านั้นที่รู้”
ทันใดนั้นเอง
เท้าสักกะเทวราช
ทรงทราบเหตุร้ายเกิดขึ้นที่วัดพระเชตวัน
จึงได้เสด็จจากสวรรค์มาที่นั่น
แล้วมีเทวบัญชาให้เทพบุตรจำแลงกายเป็นหนูปีนขึ้นไปกัดเชือกที่ผูกท่อนไม้กลมที่ท้องของนางงาม เมื่อเชือกผูกถูกกัดขาด
ท่อนไม้กลมนั้นก็หลุดหล่นลงมาทับที่ปลายเท้าของนางงาม เมื่อความลับของนางงามถูกเปิดเผย ชาวบ้านก็ได้ร้องตะโกนสาปแช่ง “นางกาลกัณณี
เจ้าใส่ร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” บ้างถ่มน้ำลายรดศีรษะของนาง บ้างหยิบก้อนดิน บ้างหยิบท่อนไม้ วิ่งขับไล่นางงามออกจากพระเชตวัน
ตามเรื่องในพระคัมภีร์บรรยายในช่วงที่นางงามถูกธรณีสูบและไปเกิดในอเวจีมหานรกว่า
“ครั้นในเวลานางล่วงคลองพระเนตรของพระตถาคตไป แผ่นดินใหญ่แตกแยกเป็นช่องแล้ว เปลวไฟตั้งขึ้นจากอเวจี นางจิญจมาณวิกานั้น ไปเกิดในอเวจี
เป็นเหมือนห่มผ้ากัมพลที่ตระกูลให้”
ในวันรุ่งขึ้น
ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภา
ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางจิญจมาณวิกา
พระศาสดาได้ทรงสอบถามเรื่องและประเด็นของการสนทนา และตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย
มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้น
ถึงในกาลก่อน นางจิญจมาณวิกา ก็ด่าเราด้วยคำไม่จริง ถึงความพินาศแล้วเหมือนกัน”
แล้วตรัสเล่าเรื่องในมหาปทุมชาดก ในทวาทสบิบาต
ซึ่งในชาดกดังกล่าวเล่าถึงพฤติกรรมของนางจิญจมาณวิกาเมื่อครั้งเป็นพระมเหสีของพระราชาและเป็นพระมารดาเลี้ยงของมหาปทุมกุมารพระโพธิสัตว์ ใช้อุบายเพื่อให้พระโพธิสัตว์เป็นชู้กับตน เมื่อพระโพธิสัตว์ปฏิเสธก็ได้ทำการกลั่นแกล้ง
จนพระโพธิสัตว์ ถูกจับตัวไปทิ้งลงเหว
แต่ไม่ได้รับอันตรายเพราะพระยานาคช่วยชีวิตเอาไว้ และภายหลังพระโพธิสัตว์ได้กลับมาครองราชสมบัติ ส่วนนางจิญจมาณวิกา(พระมเหสีของพระราชา)
ถูกจับไปโยนลงเหวสิ้นพระชนม์
พระศาสดา เมื่อตรัสเล่ามหาปทุมชาดกจบลงแล้ว ได้ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย
บุคคลผู้ละคำสัตย์ซึ่งเป็นธรรมอย่างเอก
และไม่สนใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปรโลก
ชื่อว่าจักไม่ทำบาปกรรม ย่อมไม่มี”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
พระคาถานี้ว่า
เอกธมฺมมตีตสฺส
มุสาวาทิสฺส
ชนฺตุโน
วิติณฺณปรโลกสฺส
นตฺถิ
ปาปํ อการิยํ ฯ
บาปอันชนผู้ก้าวล่วงธรรมอย่างเอกเสีย
ผู้มักพูดเท็จ
ผู้มีปรโลกอันล่วงเลยเสียแล้ว
ไม่พึงทำ
ย่อมไม่มี.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุอริยผลทั้งหลาย
มีโสดาปัตติผลเป็นต้น .
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น