07.เรื่องพระมหาโมคคัลลานเถระ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภพระมหาโมคคัลลานเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า โย
ทัณเฑน อทัณเฑสุ เป็นต้น
ในสมัยหนึ่ง
พวกนิครนถ์ประชุมกันวางแผนสังหารพระมหาโมคคัลลานเถระ
เพราะคิดว่าเมื่อกำจัดพระเถระรูปนี้เสียแล้ว
ก็จะทำให้ลาภสักการของพระศาสดาสิ้นสุดลง
ด้วยว่าพระเถระท่องไปในเทวโลก
สอบถามกรรมที่พวกเทวดกระทำแล้วก็กลับมาบอกกับพวกมนุษย์ว่า ทวยเทพทำกรรมอย่างนี้ ๆแล้วก็ได้ไปเกิ
ดในสวรรค์ และพระเถระก็ยังได้ไปท่องในนรก
และได้ถามพวกสัตว์นรกถึงกรรมที่พวกตนทำไว้แล้วกลับมาบอกพวกมนุษย์ว่า
สัตว์นรกทำกรรมอย่างนี้ๆไว้จึงได้ไปเกิดและเสวยทุกข์ในนรกอย่างนี้ ๆ
พวกมนุษย์ได้ฟังถ้อยคำของพระเถระนั้นแล้ว
ก็ได้นำลาภและสักการะเป็นอันมากมาถวายพระเถระ ถ้าพวกเราสังหารพระเถระนั้นได้ ลาภและสักการะนั้นก็จะเกิดแก่พวกเรา
ดังนั้นพวกนิครนถ์จึงได้ไปว่าจ้างพวกโจรไปสังหารพระเถระซึ่งในขณะนั้นพำนักอยู่ที่กาฬสิลา ใกล้กรุงราชคฤห์ แต่ด้วยเหตุที่พระเถระมีฤทธิ์มาก เมื่อถูกพวกโจรเข้าล้อมวัด
ในวันแรกพระเถระได้ใช้กำลังแห่งฤทธิ์หลบหนีออกมาผ่านทางช่องลูกกุญแจ ในวันที่สองได้หลบหนีออกมาทางหลังคากุฏิ
พระเถระสามารถหลบหนีพวกโจรได้ในช่วงสองเดือนแรก พอถึงเดือนที่สามพระเถระระลึกได้ว่า
ท่านเคยประกอบกรรมทำชั่วมาในชาติหนึ่ง
ท่านจึงไม่ยอมใช้ฤทธิ์ทำการหลบหนีอีกต่อไป
ท่านจึงถูกโจรจับและถูกทุบตีจนกระทั่งกระดูกแตกละเอียด
หลังจากนั้นพวกโจรได้นำร่างของท่านไปทิ้งไว้ที่พุ่มไม้เพราะเข้าใจว่าท่านเสียชีวิตแล้ว แต่ท่านยังไม่เสียชีวิต และคิดว่า
จะไปเฝ้าพระศาสดาเสียก่อนแล้วจักปรินิพพาน
จึงได้ใช้กำลังแห่งฌานประสานกระดูกให้กลับแข็งแรง
แล้วไปเหาะสู่สำนักของพระศาสดา
ถวายบังคมแล้วกราบทูลอำลา
พระศาสดาได้ตรัสบอกให้เถระแสดงธรรมให้พระองค์สดับเสียก่อน พระเถระก็ได้กระทำตามพุทธฎีกา จากนั้นได้ถวายบังคมลา
เหาะไปที่ดงกาฬสิลา และได้ปรินิพพาน ณ
ที่นั้น
เมื่อข่าวการเสียชีวิตของพระเถระได้กระจายไปทั่วชมพูทวีป
พระเจ้าอชาตศัตรูก็ได้ใช้สายสืบออกไปสืบข่าวเพื่อตามจับกุมคนร้าย
และในที่สุดโจรเหล่านั้นก็ถูกจับกุมและถูกประหารชีวิตด้วยการถูกเผาด้วยไฟ ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมว่า น่าสังเวชจัง
พระมหาโมคคัลลานะ
มรณภาพแบบนี้ไม่สมควร
พระศาสดาตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะมรณภาพ
ไม่สมควรในชาตินี้ก็จริง
แต่เธอถึงมรณภาพ
สมควรแก่กรรมที่เธอกระทำไว้ในกาลก่อน
เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลถามถึงบุรพกรรมในอดีตของพระเถระ ได้ตรัสเล่าว่า
ในชาติหนึ่งพระเถระเคยเกิดเป็นชายหนุ่มและได้สังหารบิดามารดาที่ตาบอด ในตอนแรกนั้น
ชายหนุ่มผู้นี้ก็เลี้ยงดูบิดามารดาที่ตาบอดเป็นอย่างดี
แต่หลังจากแต่งงานแล้วถูกภรรยายุแหย่แนะนำให้ฆ่าบุพพการีตาบอดทั้งสองคนเสีย ชายหนุ่มจึงได้พาบิดามารดาขึ้นเกวียนเข้าไปในป่า
แล้วทำการทุบตีบิดามารดาจนถึงแก่ความตายโดยโยนบาปว่าเป็นการกระทำของพวกโจร
ด้วยผลกรรมนั้น ทำให้ชายหนุ่มไปตกนรกอยู่หลายแสนปื ด้วยเศษของวิบาก จึงถูกทุบตีกระดูกแตกละเอียด เสียชีวิตแบบนี้อยู่ถึง 100
ชาติ และในตอนท้ายของพุทธดำรัสมีความว่า "โมคคัลลานะได้มรณภาพอย่างนี้ ก็พอสมแก่กรรมของตนเองแท้ พวกเดียรถีย์ 500
กับโจร 500 ประทุษร้ายต่อบุตรของเราผู้ไม่ประทุษร้าย
ก็ได้มรณะแก่กรรมที่เหมาะแก่กรรมของตนเหมือนกัน ด้วยว่า
บุคคลผู้ประทุษร้าย ต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อมถึงความพินาศฉิบหาย ด้วยเหตุ 10
ปรการเป็นแท้”
จากนั้น พระศาสดาจึงตรัสพระธรรมบท 4 พระคาถานี้ว่า
โย
ทณฺเฑน อทณฺเฑสุ
อปฺปทุฏฺเฐน
ทุสฺสติ
ทสนฺนมญฺญตรํ
ฐานํ
ขิปฺปเมว
นิคจฺฉติ ฯ
ผู้ใด
ประทุษร้ายในท่านผู้ไม่ประทุษร้าย
ผู้ไม่มีอาชญา
ด้วยอาชญา
ย่อมถึงฐานะ
10 อย่าง
อย่างใดอย่างหนึ่งพลันทีเดียว
เวทนํ
ผรุสํ ชานึ
สรีรสฺส
ว เภทนํ
ครุกํ
วาปิ อาพาธํ
จิตฺตกฺเขปํ
ว ปาปุเณ ฯ
คือ
ถึงเวทนากล้า 1
ความเสื่อมทรัพย์ 1 ความสลายแห่งสรีระ 1
อาพาธหนัก 1
ความฟุ้งซ่านแห่งจิต 1
ราชโต
วา อุปสคฺคํ
อพฺภกขาตํ
ว ทารุณํ
ปริกฺขยํ
ว ญาตีนํ
โภคานํ
ว ปภงคุณํ.
ความขัดข้องแด่พระราชา 1
การถูกกล่าวตู่อย่างร้ายแรง 1
ความย่อยยับแห่งเครือญาติ 1
ความเสียหายแห่งโภคะทั้งหลาย 1
อถวาสฺส
อครานิ
อคฺคิ
ฑหติ ปาวโก
กายสฺส
เภทา ทุปฺปญฺโญ
นิรยํ
โส อุปปชฺชติ.
อีกอย่างหนึ่ง
ไฟป่าย่อมไหม้เรือนของเขา
ผู้นั้นมีปัญญาทราม เพราะกายแตก
ย่อมเข้าถึงนรก.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นมาก
บรรลุโสดาปัตติผลทั้งหลาย
มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น