วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ทัณฑวรรค:07.เรื่องพระมหาโมคคัลลานเถระ



07.เรื่องพระมหาโมคคัลลานเถระ

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน  ทรงปรารภพระมหาโมคคัลลานเถระ  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า   โย  ทัณเฑน  อทัณเฑสุ  เป็นต้น

ในสมัยหนึ่ง  พวกนิครนถ์ประชุมกันวางแผนสังหารพระมหาโมคคัลลานเถระ เพราะคิดว่าเมื่อกำจัดพระเถระรูปนี้เสียแล้ว  ก็จะทำให้ลาภสักการของพระศาสดาสิ้นสุดลง  ด้วยว่าพระเถระท่องไปในเทวโลก  สอบถามกรรมที่พวกเทวดกระทำแล้วก็กลับมาบอกกับพวกมนุษย์ว่า  ทวยเทพทำกรรมอย่างนี้ ๆแล้วก็ได้ไปเกิ ดในสวรรค์  และพระเถระก็ยังได้ไปท่องในนรก และได้ถามพวกสัตว์นรกถึงกรรมที่พวกตนทำไว้แล้วกลับมาบอกพวกมนุษย์ว่า  สัตว์นรกทำกรรมอย่างนี้ๆไว้จึงได้ไปเกิดและเสวยทุกข์ในนรกอย่างนี้ ๆ    

พวกมนุษย์ได้ฟังถ้อยคำของพระเถระนั้นแล้ว  ก็ได้นำลาภและสักการะเป็นอันมากมาถวายพระเถระ  ถ้าพวกเราสังหารพระเถระนั้นได้  ลาภและสักการะนั้นก็จะเกิดแก่พวกเรา  ดังนั้นพวกนิครนถ์จึงได้ไปว่าจ้างพวกโจรไปสังหารพระเถระซึ่งในขณะนั้นพำนักอยู่ที่กาฬสิลา  ใกล้กรุงราชคฤห์   แต่ด้วยเหตุที่พระเถระมีฤทธิ์มาก  เมื่อถูกพวกโจรเข้าล้อมวัด ในวันแรกพระเถระได้ใช้กำลังแห่งฤทธิ์หลบหนีออกมาผ่านทางช่องลูกกุญแจ  ในวันที่สองได้หลบหนีออกมาทางหลังคากุฏิ    

พระเถระสามารถหลบหนีพวกโจรได้ในช่วงสองเดือนแรก  พอถึงเดือนที่สามพระเถระระลึกได้ว่า ท่านเคยประกอบกรรมทำชั่วมาในชาติหนึ่ง  ท่านจึงไม่ยอมใช้ฤทธิ์ทำการหลบหนีอีกต่อไป   ท่านจึงถูกโจรจับและถูกทุบตีจนกระทั่งกระดูกแตกละเอียด  หลังจากนั้นพวกโจรได้นำร่างของท่านไปทิ้งไว้ที่พุ่มไม้เพราะเข้าใจว่าท่านเสียชีวิตแล้ว  แต่ท่านยังไม่เสียชีวิต และคิดว่า จะไปเฝ้าพระศาสดาเสียก่อนแล้วจักปรินิพพาน  จึงได้ใช้กำลังแห่งฌานประสานกระดูกให้กลับแข็งแรง แล้วไปเหาะสู่สำนักของพระศาสดา  ถวายบังคมแล้วกราบทูลอำลา   พระศาสดาได้ตรัสบอกให้เถระแสดงธรรมให้พระองค์สดับเสียก่อน  พระเถระก็ได้กระทำตามพุทธฎีกา จากนั้นได้ถวายบังคมลา เหาะไปที่ดงกาฬสิลา  และได้ปรินิพพาน ณ ที่นั้น

เมื่อข่าวการเสียชีวิตของพระเถระได้กระจายไปทั่วชมพูทวีป  พระเจ้าอชาตศัตรูก็ได้ใช้สายสืบออกไปสืบข่าวเพื่อตามจับกุมคนร้าย  และในที่สุดโจรเหล่านั้นก็ถูกจับกุมและถูกประหารชีวิตด้วยการถูกเผาด้วยไฟ  ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมว่า  น่าสังเวชจัง  พระมหาโมคคัลลานะ  มรณภาพแบบนี้ไม่สมควร  พระศาสดาตรัสว่า  ภิกษุทั้งหลาย  โมคคัลลานะมรณภาพ ไม่สมควรในชาตินี้ก็จริง  แต่เธอถึงมรณภาพ  สมควรแก่กรรมที่เธอกระทำไว้ในกาลก่อน  

เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลถามถึงบุรพกรรมในอดีตของพระเถระ ได้ตรัสเล่าว่า   ในชาติหนึ่งพระเถระเคยเกิดเป็นชายหนุ่มและได้สังหารบิดามารดาที่ตาบอด  ในตอนแรกนั้น  ชายหนุ่มผู้นี้ก็เลี้ยงดูบิดามารดาที่ตาบอดเป็นอย่างดี  แต่หลังจากแต่งงานแล้วถูกภรรยายุแหย่แนะนำให้ฆ่าบุพพการีตาบอดทั้งสองคนเสีย  ชายหนุ่มจึงได้พาบิดามารดาขึ้นเกวียนเข้าไปในป่า  แล้วทำการทุบตีบิดามารดาจนถึงแก่ความตายโดยโยนบาปว่าเป็นการกระทำของพวกโจร ด้วยผลกรรมนั้น ทำให้ชายหนุ่มไปตกนรกอยู่หลายแสนปื  ด้วยเศษของวิบาก  จึงถูกทุบตีกระดูกแตกละเอียด  เสียชีวิตแบบนี้อยู่ถึง 100 ชาติ   และในตอนท้ายของพุทธดำรัสมีความว่า  "โมคคัลลานะได้มรณภาพอย่างนี้  ก็พอสมแก่กรรมของตนเองแท้  พวกเดียรถีย์ 500  กับโจร  500  ประทุษร้ายต่อบุตรของเราผู้ไม่ประทุษร้าย  ก็ได้มรณะแก่กรรมที่เหมาะแก่กรรมของตนเหมือนกัน   ด้วยว่า  บุคคลผู้ประทุษร้าย ต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย  ย่อมถึงความพินาศฉิบหาย ด้วยเหตุ 10 ปรการเป็นแท้   

จากนั้น  พระศาสดาจึงตรัสพระธรรมบท 4 พระคาถานี้ว่า

โย  ทณฺเฑน   อทณฺเฑสุ
อปฺปทุฏฺเฐน  ทุสฺสติ
ทสนฺนมญฺญตรํ  ฐานํ
ขิปฺปเมว  นิคจฺฉติ ฯ

ผู้ใด  ประทุษร้ายในท่านผู้ไม่ประทุษร้าย
ผู้ไม่มีอาชญา  ด้วยอาชญา
ย่อมถึงฐานะ  10  อย่าง
อย่างใดอย่างหนึ่งพลันทีเดียว 

เวทนํ  ผรุสํ  ชานึ
สรีรสฺส    เภทนํ
ครุกํ  วาปิ อาพาธํ
จิตฺตกฺเขปํ    ปาปุเณ ฯ


คือ
ถึงเวทนากล้า 1  ความเสื่อมทรัพย์ 1  ความสลายแห่งสรีระ 1
อาพาธหนัก 1  ความฟุ้งซ่านแห่งจิต

ราชโต  วา  อุปสคฺคํ 
อพฺภกขาตํ    ทารุณํ
ปริกฺขยํ    ญาตีนํ
โภคานํ    ปภงคุณํ.

ความขัดข้องแด่พระราชา 1
การถูกกล่าวตู่อย่างร้ายแรง 1
ความย่อยยับแห่งเครือญาติ 1
ความเสียหายแห่งโภคะทั้งหลาย 1

อถวาสฺส  อครานิ
อคฺคิ  ฑหติ  ปาวโก
กายสฺส  เภทา  ทุปฺปญฺโญ
นิรยํ  โส  อุปปชฺชติ.
 
อีกอย่างหนึ่ง  ไฟป่าย่อมไหม้เรือนของเขา
ผู้นั้นมีปัญญาทราม  เพราะกายแตก  ย่อมเข้าถึงนรก.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นมาก  บรรลุโสดาปัตติผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น