04. เรื่องอนาถบิณฑิกเศรษฐี
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภเศรษฐีชื่ออนาถบิณฑิกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ปาโปปิ
ปสฺสตี ภทฺรํ เป็นต้น
อนาถบิณฑิกเศรษฐี
บำรุงพระภิกษุสามเณรอยู่เนืองนิตย์
กระทั่งทรัพย์สมบัติร่อยหรอ
เทวดาที่ประจำอยู่ที่ซุ้มประตูบ้านของเศรษฐีทนไม่ไหว ไปเตือนเศรษฐีให้เลิกทำบุญให้ทานเสียที
แต่เศรษฐีไม่ยอมเลิก ยังทำบุญให้ทานแก่พระภิกษุและสามเณรต่อไป และได้ขับไล่เทวดาไม่ให้อยู่ในที่นั้น
เทวดารู้สึกสำนึกตน จึงไปหาเทวดาทั้งหลาย จนกระทั่งไปหาท้าวสักกเทวราช
วิงวอนให้ช่วยไปขอขมาโทษเศรษฐี
ท้าวสักกะจึงออกอุบายว่า
ให้นำทรัพย์ที่หาเจ้าของมิได้ไปให้เศรษฐีแล้วขอขมาโทษ เทวดานั้นก็ได้ทำตาม เมื่อเศรษฐีจะรับขมาโทษ
จึงนำเทวดานั้นไปเข้าเฝ้า พระศาสดาจึงประทานโอวาทสอนเศรษฐีและเทวดาว่า “ดูก่อนคฤหบดี แม้บุคคลผู้ทำบาปในโลกนี้ ย่อมเห็นบาปว่าดี ตลอดกาลที่บาปยังไม่เผล็ดผล แต่เมื่อใด
บาปของเขาเผล็ดผล เมื่อนั้น เขาย่อมเห็นบาปว่าชั่วแท้ๆ ฝ่ายบุคคลผู้กระทำกรรมดี ย่อมเห็นกรรมดีว่าชั่ว ตลอดกาลที่กรรมดียังไม่เผล็ดผล แต่เมื่อใด
กรรมดีของเขาเผล็ดผล
เมื่อนั้น
เขาย่อมเห็นกรรมดีว่าดีจริงๆ” แล้วจึงตรัสพระธรรมบท 2 พระคาถานี้ว่า
ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ
ยาว ปาปํ น ปจฺจติ
ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ
อถ (ปาโป) ปาปานิ ปสฺสติฯ
ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล
คนชั่วเห็นบาปเป็นความดี
แต่เมื่อใดบาปให้ผล
เมื่อนั้นเขาเห็นบาปเป็นความชั่ว.
ภทฺโรปิ
ปสฺสตี ปาปํ
ยาว
ภทฺรํ น ปจฺจติ
ยทา
จ ปจฺจตี
ภทฺรํ
อถ
(ภทฺโร) ภทฺรานิ ปสฺสติฯ
ตลอดเวลาที่ความดียังไม่ให้ผล
คนดีเห็นบาปเป็นความชั่ว
แต่เมื่อใดบาปให้ผล
เมื่อนั้นเขาเห็นความดีเป็นความดี.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง เทวดานั้น ได้บรรลุโสดาปัตติผล พระธรรมเทศนา
ได้มีประโยชน์แม้แก่พุทธบริษัทที่มาประชุมกันแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น