11.พระสัปปทาสเถระ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภพระสัปปทาสเถระ ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 112
ครั้งหนึ่ง
มีภิกษุรูปหนึ่งมีความเบื่อหน่ายที่จะครองเพศเป็นภิกษุ
แต่ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกว่าเป็นการไม่สมควรที่ตนจะสึกออกไปเป็นคฤหัสถ์
จึงมีความคิดว่าตนเองควรจะฆ่าตัวตายในขณะที่ยังมีเพศเป็นพระภิกษุนี่แหละ
หลังจากที่คิดเช่นนี้แล้ว อยู่มาวันหนึ่งก็ได้พยายามจะฆ่าตัวตายโดยล้วงมือเข้าไปหม้อที่เขาขังงูเอาไว้โดยจะให้งูกัดตาย
แต่งูไม่ยอมกัดเพราะในอดีตชาติงูตัวนี้เคยเป็นทาสของภิกษุมาก่อน
จากเหตุการณ์ครั้งนี้นี่เอง พระเถระจึงได้นามว่า พระสัปปทาสเถระ
พระเถระได้พยายามฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่สอง โดยกะจะเอามีดโกนเฉือนคอของตนเองให้ตาย
แต่ขณะที่จ่อมีดโกนเข้าที่ก้านคออยู่นั้น ก็ได้ใคร่ครวญถึงศีลของตน
ตั้งแต่อุปสมบทมา เห็นว่าตนมีศีลบริสุทธิ์ “ดังดวงจันทร์ปราศจากมลทิน และดังดวงมณีที่ขัดดี” เกิดปีติปราโมทย์ซาบซ่าทั่วร่างกาย
เมื่อข่มปีติได้แล้ว ก็ได้เจริญวิปัสสนา จนได้บรรลุพระอรหัตผล
พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ท่านจึงถือมีดโกนเดินเข้าไปในวัด
เมื่อเดินไปถึงที่วัดแล้ว
พระภิกษุอื่นๆเห็นจึงถามท่านว่า ท่านไปไหนมาและทำไมถึงถือมีดโกนเดินมาอย่างนี้
ท่านบอกว่าท่านกะฆ่าตัวตายด้วยการใช้มีดโกนเชือดคอ เมื่อพวกพระถามว่าแล้วทำไมถึงไม่ยอมเชือดคอให้ตายเสียล่า
ท่านได้ตอบว่า “แต่แรกผมก็ตั้งใจว่าจะเอามีดโกนนี้ตัดคอของคนเอง
แต่ตอนนี้ได้ตัดกิเลสเสียสิ้นด้วยมีดโกนคือญาณ”
พวกภิกษุไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของท่าน
และได้เข้าไปเฝ้าพระศาสดาทูลถามว่า “พระเจ้าข้า ภิกษุรูปนี้อ้างว่าตนได้บรรลุอรหัตแล้ว
ในขณะที่กำลังเอามีดจ่อคอจะฆ่าตัวตาย
เป็นไปได้ละหรือที่ท่านจะบรรลุพระอรหัตได้ในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนั้น” พระศาสดาตรัสว่า
“เป็นอย่างนั้น
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุผู้ปรารภความเพียร ยกเท้าวางบนพื้น
เมื่อเท้ายังไม่ทันถึงพื้นเลย พระอรหัตตมรรคก็ได้เกิดขึ้น แท้จริง
ความเป็นอยู่แม้เพียงชั่วขณะของท่านผู้ปรารภความเพียร ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ 100
ปีของบุคคลผู้เกียจคร้าน”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 112
ว่า
โย จ วสฺสสตํ ชีเว
อปสฺสํ อุทยพฺพยํ
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย
ปสฺสโต อุทยพฺพยํฯ
ผู้ไม่เห็นความเกิดดับ
ถึงจะมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
สู้ผู้ที่เห็นความเกิดดับ
มีชีวิตอยู่แค่วันเดียว ไม่ได้.
เมื่อสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น