วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชราวรรค:06.เรื่องพระนางมัลลิกาเทวี



06.เรื่องพระนางมัลลิกาเทวี
  
พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพระนางมัลลิกาเทวี  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  ชีรนฺติ  เ ว  ราชรถา  สุจิตฺตา  เป็นต้น

วันหนึ่ง พระนางมัลลิกาเทวี  พระราชเทวีของพระเจ้าปเสนทิโกศล  เสด็จเข้าไปในห้องสรงสนาน  ทรงชำระพระโอษฐ์แล้ว  ทรงน้อมพระสรีระลงเพื่อจะชำระพระชงฆ์  มีสุนัขตัวโปรดตัวหนึ่ง  เข้าไปพร้อมกับพระนาง  พอมันเห็นพระนางน้อมพระสรีระลงเช่นนั้น  จึงเข้าไปประกบเสพสมกับพระนางทางเบื้องหลัง  พระนางทรงยินดีและพึงพอใจกับการกระทำของมัน  จึงได้ประทับยืนนิ่งเพื่อรับการเสพสมนั้น  พระราชาทรงทอดพระเนตรทางพระแกลในปราสาทชั้นบน  ทรงเห็นการกระทำอันพิลึกพิลั่นนั้น  และในเวลาที่พระนางเทวีเสด็จออกมาจากที่สรงสนานนั้น จึงตรัสว่า  หญิงถ่อย  เจ้าไปทำอะไรกับสุนัขในห้องน้ำมาใช่หรือไม่ ?”  หม่อมฉันไปทำอะไรหรือ เพคะ  ก็ไปเสพสมกับสุนัขมานะสิ   เป็นไปไม่ได้ดอก เพคะ  พี่เห็นมากับตา  ไม่ต้องมาแก้ตัว  อีหญิงถ่อย   หากพระองค์ไม่เชื่อหม่อมฉัน  ก็ขอเชิญพระองค์เสด็จเข้าไปยังที่สรงสระหนานนั้นเถิด  หม่อมฉันจะแลดูพระองค์ทางพระแกลนี้  พระราชาทรงหลงกลของพระเทวี  เสด็จเข้าไปยังห้องสรงสนานนั้น   ฝ่ายพระเทวีทรงยืนทอดพระเนตรอยู่ที่พระแกล  ทูลว่า   พระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงเสพสมกับแม่แพะ  แม้พระราชาจะทรงปฏิเสธว่าพระองค์มิได้ทรงกระทำเช่นนั้น  พระนางก็ทรงยืนยันว่าพระนางเห็นด้วยดวงเนตรของพระนางอย่างนั้นจริงๆ   พระราชาทรงสดับคำของพระเทวี ก็ทรงเชื่อว่า  ผู้เข้าไปยังที่สรงสนานแห่งนั้น  แม้จะเข้าไปผู้เดียว  ก็จะปรากฏเป็นสองคน   ตั้งแต่วันนั้นมาพระเทวีมีความเสียพระทัยที่ได้ทรงกล่าวเท็จกับพระราชา ว่าทรงมีเพศสัมพันธ์กับแม่แพะ  ด้วยเหตุนี้  เมื่อพระเทวีในเวลาใกล้จะสิ้นพระชนม์  แทนที่พระนางจะทรงนึกถึง อสทิสทาน (ท่านล้ำเลิศหาทานใดเสมอเหมือนมิได้) ที่พระนางเคยทำร่วมกันกับพระราชา  ก็กลับไประลึกถึงกรรมชั่วที่เคยกล่าวเท็จเมื้อครั้งเสพสมกับสุนัขนั้น  พอสิ้นพระชนม์ ก็จึงไปบังเกิดในอเวจีนรก  หลังจากพระราชารับสั่งให้พระราชทานเพลิงพระศพของพระนางแล้ว  ก็ทรงครุ่นคิดอยู่เสมอว่า จะทรงกราบทูลถามพระศาสดาถึงสถานที่บังเกิดใหม่ของพระเทวี   แต่พระศาสดาได้ทรงบันดาลให้พระราชาทรงลืมถึงเรื่องที่จะทูลถามนั้นทุกครั้งที่ท้าวเธอเสด็จมา  เป็นเวลา  7 วัน  ที่พระศาสดาทรงกระทำเช่นนี้  ก็เพราะไม่ทรงต้องการทำลายความรู้สึกของพระราชา  และไม่ทรงต้องการให้พระราชาสิ้นศรัทธาในพระศาสนา  ด้วยเหตุทรงเข้าพระทัยผิดว่า  คนที่บำเพ็ญกุศลไว้มากมายอย่างพระนางเทวีไปเกิดในอเวจี ซึ่งท้าวเธอก็จะทรงคิดต่อไปว่า แล้วอย่างนี้ท้าวเธอก็ควรเลิกนิตยภัตที่ทรงพระราชทานแก่ภิกษุสงฆ์ 500 รูปในพระราชวังเสียทั้งหมด  แต่พอถึงวันที่ 8   พระเทวีทรงสิ้นกรรมในอเวจีนรกแล้วไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต   ในวันนี้พระศาสดาทรงดำเนินไปเพื่อบิณฑบาต  ได้เสด็จไปยังประตูพระราชวัง เพียงลำพังพระองค์เดียว  และได้ทรงแสดงทีท่าว่าจะประทับนั่งในโรงรถ  พระราชาจึงทูลอัญเชิญพระศาสดาให้ประทับนั่ง ณ ที่นั้น  หลังจากที่ได้ถวายภัตตาหารแด่พระศาสดาแล้ว    ได้กราบทูลถามถึงที่เกิดใหม่ของพระเทวี  เมื่อพระศาสดาตรัสว่า  ในดุสิตภพ มหาบพิตร  พระราชาทรงสดับแล้วก็ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง  กราบทูลว่า  หากคนดีมีศรัทธาในพระศาสนาอย่างพระนางมัลลิกาเทวีไม่ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต  คนอื่นใครเล่าจะไปบังเกิดได้   และได้กราบทูลด้วยว่า  หลังจากที่พระนางเทวีสิ้นพระชนม์แล้ว  ท้าวเธอรู้สึกว่าร่างกายจะไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่า  พระศาสดาจึงตรัสกับท้าวเธอว่า  อย่าทรงคิดมากไปเลย  นี้เป็นธรรมอันแน่นอนของสัตว์ทุกจำพวก  แล้วตรัสต่อไปว่า  มหาบพิตร  ขอพระองค์จงทอดพระเนตรดูรถของพระเจ้าปู่ของพระองค์   ว่าคร่ำคร่ากว่ารถของพระชนกของพระองค์  และรถของพระชนกของพระองค์ก็คร่ำคร่ากว่ารถของพระองค์เอง  ความคร่ำคร่าบังเกิดแม้แก่ท่อนไม้ที่เขาเอามาทำเป็นรถได้  ก็ไม่ต้องพูดถึงว่าความคร่ำคร่าจะไม่มาถึงสรีระร่างกายของคนเรา  มหาบพิตร  ความจริง  ธรรมของสัตบุรุษเท่านั้น  ไม่มีความชรา  ส่วนสัตว์ทั้งหลาย ชื่อว่าไม่ชรา ย่อมไม่มี 

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า
ชีรนฺติ  เว  ราชรถา  สุจิตฺตา
อถ  สรีรมฺปิ  ชรํ  อุเปติ
สตญฺจ  ธมฺโม น  ชรํ  อุเปติ
สนฺโต  หเว  สพฺภิ  ปเวทยนฺติ 

ราชรถ  ที่วิจิตรดี  ยังคร่ำคร่าได้แล
อนึ่ง  ถึงสรีระ  ก็ย่อมถึงความคร่ำคร่า
ธรรมของสัตบุรุษหาเข้าถึงความคร่ำคร่าไม่
สัตบุรุษทั้งหลายแล  ย่อมปราศรัยกับด้วยสัตบุรุษ.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น