วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชราวรรค:04.เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ



04.เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพวกภิกษุผู้มีความสำคัญว่าตนได้บรรลุพระอรหัตตผลหลายรูป  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  ยานีมานิ  เป็นต้น

ภิกษุ 500 รูป  หลังจากเรียนหัวข้อพระกัมมัฏฐานจากพระศาสดาแล้ว  ก็พากันเข้าไปอยู่ในป่า  และได้พากเพียรพยายามปฏิบัติสมาธิภาวนางอย่างเข้มแข็ง จนได้บรรลุฌาน  เกิดความสำคัญว่า  กิจบรรพชิตของเราสำเร็จแล้ว  กล่าวคือ  เห็นว่าพ้นจากกิเลสอาสวะ เป็นพระอรหันต์เรียบร้อยแล้ว  จึงได้เดินทางกลับจะไปกราบทูลพระศาสดาให้ทรงทราบ  เมื่อภิกษุเหล่านั้นเดินทางถึงซุ้มประตูชั้นนอกของพระเชตวัน  พระศาสดาตรัสกับพระอานนท์ว่า  ไม่มีประโยชน์ที่พระเหล่านั้นจะมาเฝ้าเราในขณะนี้  ขอให้พระเหล่านั้นไปอยู่ที่ป่าช้าก่อน  แล้วค่อยมาเฝ้าเราในภายหลัง  พระเถระได้ไปแจ้งความข้อนั้นแก่ภิกษุเหล่านั้น   และพระภิกษุเหล่านั้นก็มิได้โต้แย้งใดๆ  เพราะคิดว่า พระพุทธเจ้าทรงเห็นกาลไกล  ทรงทราบเหตุการณ์ทุกอย่าง    พระองค์ต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง  จึงทรงแนะนำให้พวกเราไปพักอยู่ในป่าช้า เช่นนี้   ก็จึงพากันไปอยู่ในป่าช้า   เมื่อไปพบเห็นศพในป่าช้าที่ถูกทิ้งไว้เป็นเวลา 1-2 วัน  ก็เกิดการรังเกียจ  แต่พอไปเห็นศพที่เสียชีวิตใหม่ๆ  ก็เกิดความกำหนัด  ถึงตอนนี้จึงรู้ตัวว่าพวกตนยังมีกิเลสอยู่  พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎี ทรงฉายพระรัศมีไปดุจตรัสอยู่เฉพาะหน้าของภิกษุเหล่านั้น  ตรัสว่า  ภิกษุทั้งหลาย  การที่เธอทั้งหลายเห็นร่างกระดูกเช่นนั้น  ยังความยินดีด้วยอำนาจราคะให้เกิดขึ้น  ควรละหรือ?”   

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

ยานีมานิ  อปตฺถานิ
อลาพูเนว  สารเท
กาโปตกานิ  อฏฺฐีนิ
ตานิ  ทิสฺวาน  กา รติ ฯ

กระดูกเหล่านี้ใด  อันเขาทิ้งเกลื่อนกลาด
ดุจน้ำเต้าในสารทกาล  มีสีเหมือนนกพิราบ
ความยินดีอะไรเล่าจักมี  เพราะเห็นกระดูกเหล่านั้น.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ภิกษุเหล่านั้นได้บรรลุอรหัตตผล  ตามที่ยืนอยู่  ชมเชยพระผู้มีพระภาค  มาถวายบังคมแล้ว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น