09.เรื่องอุบาสกชื่อจุลกาล
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภอุบาสกชื่อจุลกาล
ตรัสพระธรรมเทศฯนี้ว่า “อตฺตนาว กตํ
ปาปํ” เป็นต้น
ในวันอุโบสถวันหนึ่ง จุลกาลอุบาสก
รักษาศีล 8 หรืออุโบสถศีล
ได้เข้าไปค้างแรมในวัดพระเชตวัน
และได้ฟังพระธรรมเทศนาตลอดคืน
ในตอนเช้า
ขณะที่อุบาสกผู้นี้กำลังวักน้ำในสระที่อยู่ไม่ไกลจากวัดพระเชตวันล้างหน้าอยู่นั้น มีพวกโจรที่ไปปล้นบ้านหลังหนึ่งหลบหนีมา
และถูกเจ้าของบ้านไล่ติดตามมาอย่างกระชั้นชิดจึงโยนสิ่งของที่ปล้นมาไว้ในที่ไม่ไกลจากที่ที่อุบาสกผู้นี้ยืนล้างหน้าอยู่
เมื่อเจ้าของบ้านมาถึงที่จุดนั้นเข้าใจว่าอุบาสกผู้นี้เป็นโจรจึงเข้าไปจับตัวแล้วโบยด้วยแส้ พวกนางกุมภทาสี เดินมาตักน้ำที่สระแห่งนั้น ประสบเหตุนั้นเข้าพอดี จึงเข้าไปห้ามปรามโดยบอกว่าเขาไม่ใช่โจรและให้ปล่อยตัวเขาเสีย อุบาสกเมื่อถูกปล่อยตัวแล้ว ก็เข้าไปในวัดพระเชตวัน แล้วบอกแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ที่เขารอดชีวิตมาได้ในครั้งนี้
ก็เพราะความช่วยเหลือของนางกุมภทาสี
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้เข้ากราบทูลพระศาสดา และพระศาสดาได้ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย
จุลกาลอุบาสก
ได้ชีวิตเพราะอาศัยพวกนางกุมภทาสี
และความที่ตนไม่ใช่ผู้ทำ ด้วยว่า ธรรมดาสัตว์เหล่านี้ ทำบาปกรรมด้วยตนแล้ว ย่อมเศร้าหมองด้วยตนเอง ในอบายมีนรกเป็นต้น ส่วนสัตว์ทั้งหลายทำกุศลแล้ว ไปสู่สุคติและนิพพาน ย่อมชื่อว่าบริสุทธิ์ได้ด้วยตนเอง”
จากนั้น
พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท
พระคาถานี้ว่า
อตฺตนา
ว กตํ ปาปํ
อตฺตนา
สงฺกิลิสฺสติ
อตฺตนา
ว วิสุชฺฌติ
สุทฺธิ
อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ
นาญฺโญ
อญฺญํ วิโสธเย ฯ
บาปอันผู้ใดทำแล้วด้วยตนเอง
ผู้นั้นย่อมเศร้าหมองด้วยตนเอง
บาปอันผู้ใดไม่ทำด้วยตน
ผู้นั้นย่อมบริสุทธิ์ด้วยตนเอง
ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์
เป็นของเฉพาะตน
คนอื่นทำคนอื่นให้บริสุทธิ์ไม่ได้.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง จุลกาลตั้งอยู่แล้วในโสดาปัตติผล
พระธรรมเทศนาได้มีประโยชน์แม้แก่บริษัทผู้ประชุมกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น