วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พุทธวรรค:03.เรื่องนาคราชชื่อเอรกปัตต์



03.เรื่องนาคราชชื่อเอรกปัตต์

พระศาสดา  ทรงอาศัยพระนครพาราณสี  ประทับอยู่ที่โคนไม้ซึก 7  ต้น  ทรงปรารภพระยานาคชื่อเอรกปัตต์  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  กิจฺโฉ  มนุสฺสปฏิลาโภ  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง  มีพระยานาคราชนามว่า เอรกปัตต์  ในอดีตชาติ  ในศาสนาของพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระยานาคนั้นเป็นภิกษุหนุ่ม  ขึ้นเรือไปในแม่น้ำคงคา  เอามือยึดตะไคร้น้ำกอหนึ่ง  เมื่อเรือแล่นไปโดยเร็วก็ไม่ปล่อย  ใบตระไคร้น้ำขาด  ภิกษุนั้นไม่แสดงอาบัติ  ด้วยคิดเสียว่าเป็นโทษเพียงเล็กน้อย  เมื่อจุติจากชาตินั้นแล้ว  บังเกิดเป็นพระยานาค  มีร่างกายเท่าเรือขุด  เมื่อมาเกิดเป็นพระยานาคแล้ว  ก็ได้รอคอยการอุบัติขึ้นของพระพระพุทธเจ้า  พระยานาคเอรกปัตต์มีธิดารูปโฉมงดงามมากอยู่นางหนึ่ง   จึงได้ใช้นางเป็นเครื่องมือในการค้นหาพระพุทธเจ้า  โดยพระยานาคได้ป่าวประกาศว่า  ผู้ใดก็ตามสามารถตอบคำถามธิดาของตนได้ ผู้นั้นก็จะได้ธิดาของตนเป็นภรรยา  ในทุกเดือนๆละสองครั้ง  พระยานาคจะให้ธิดายืนบนพังพานของตนในวันอุโบสถทุกกึ่งเดือน  ร้องขับขานเพลงซึ่งมีเนื้อความตอนหนึ่งว่า   ผู้เป็นใหญ่อย่างไรเล่า  ชื่อว่าพระราชา  อย่างไรเล่า  พระราชาชื่อว่ามีธุลีบนพระเศียร  อย่างไรเล่า ชื่อว่าปราศจากธุลี  อย่างไรเล่า  ท่านจึงเรียกว่า คนพาล.มีชายหนุ่มหลายคนเข้ามาตอบคำถามโดยหวังจะได้ธิดาพระยานาคเป็นภรรยา  แต่ก็ไม่มีชายหนุ่มผู้ใดสามารถตอบถูก

วันหนึ่ง  ในเวลาใกล้รุ่ง  พระศาสดาทอดพระเนตรเห็นชายหนุ่มชื่อว่าอุตตระ เข้ามาอยู่ในข่ายคือพระญาณของพระองค์  ทรงตรวจสอบแล้วทราบว่า  อุตตรมาณพจักได้บรรลุโสดาปัตติผล  ซึ่งโยงใยไปถึงปัญหาที่ธิดาของพระยานาคราชเอรกปัตต์ถาม   ในช่วงนั้น  อุตตรมาณพอยู่ในระหว่างเดินทางจะไปตอบคำถามของธิดาพระยานาค

พระศาสดาจึงได้ทรงสอนเนื้อเพลงลำนำที่จะนำไปขับขานตอบคำถามของธิดาพระยานาคให้  ซึ่งมีเนื้อเพลงตอบโต้ตอนหนึ่งว่า ผู้เป็นใหญ่ในทวารหก  ชื่อว่าเป็นพระราชา  พระราชาผู้กำหนัดอยู่  ชื่อว่ามีธุลีบนพระเศียร  ผู้ไม่กำหนัดอยู่  ชื่อว่าปราศจากธุลี  ผู้กำหนัดอยู่  ท่านเรียกว่า คนพาล

พระศาสดาก็ยังได้ทรงสอนบทเพลงอื่นๆที่จะใช้ขับขานตอบโต้กับเพลงของธิดาพระยานาคราชอีกหลายบท
ขณะที่อุตตรมาณพเรียนเพลงขับขานตอบโต้เพลงของธิดาของพระยาเนาคอยู่นั้น  ก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล
แม้ว่าจะบรรลุเป็นพระโสดาบันแล้ว  แต่อุตตรมาณพก็ยังต้องการเดินทางไปตอบคำถามของธิดาพระยานาคเหมือนเดิม

เมื่อธิดาพระยานาคร้องขับขานเพลงดังขึ้น  อุตตรมาณพก็ได้ร้องขับขานโต้ตอบด้วยบทเพลงแต่ละท่อนที่เล่าเรียนมาจากพระศาสดาดังนี้

1. คำถาม :  ผู้เป็นใหญ่  อย่างไรเล่า  ชื่อว่าเป็นพระราชา  
คำตอบ : ผู้เป็นใหญ่ในทวาร 6 ชื่อว่าเป็นพระราชา
2. คำถาม : อย่างไรเล่า  พระราชาชื่อว่ามีธุลีบนพระเศียร
คำตอบ :  พระราชาผู้กำหนัดอยู่  ชื่อว่ามีธุลีบนพระเศียร
3.คำถาม :  อย่างไรเล่า ชื่อว่าปราศจากธุลี
คำตอบ :  ผู้ไม่กำหนัดอยู่ชื่อว่า  ปราศจากธุลี
4.  คำถาม : อย่างไรเล่า  ท่านจึงเรียกว่า คนพาล
คำตอบ : ผู้กำหนัดอยู่  ท่านเรียกว่า  คนพาล
5. คำถาม : คนพาลอันอะไรเอ่ย ย่อมพัดไป
คำตอบ : คนพาลอันห้วงน้ำ(คือกามโอฆะเป็นต้น) ย่อมพัดไป
6.คำถาม : บัณฑิตย่อมบรรเทาอย่างไร
คำตอบ : บัณฑิตย่อมบรรเทา(โอฆะนั้น)  เสียด้วยความเพียร
7.คำถาม : อย่างไร  จึงเป็นผู้มีความเกษมจากโยคะ
คำตอบ  : บัณฑิตผู้ไม่ประกอบด้วยโยคะทั้งปวง  ท่านเรียกว่า  ผู้มีเกษมจากโยคะ

เมื่อพระยานาคเอรกปัตต์  ได้ฟังคำตอบเช่นนั้น  ก็ทราบว่าพระพุทธเจ้าได้อุบัติขึ้นในโลกแล้ว  จึงได้ไปขอให้อุตตรมาณพพาตนไปเฝ้าพระศาสดา   และเมื่อได้เข้าเฝ้าแล้วได้กราบทูลพระศาสดา  ถึงครั้งที่ตนเป็นพระภิกษุในพระศาสนาของพระกัสสปะพุทธเจ้า  ดึงใบตะไคร้ขาด  ไม่ยอมแสดงอาบัติ  ทำให้ต้องมาเกิดเป็นพระยานาค   และตั้งตารอคอยการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า   พระศาสดา  ทรงสดับถ้อยคำของนาคราชนั้นแล้วจึงตรัสว่า  มหาบพิตร  ชื่อว่าความเป็นมนุษย์  หาได้ยากนัก  การฟังพระสัทธรรม  ก็หาได้ยาก  การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้า  ก็หาได้ยากเหมือนกัน  เพราะว่าทั้ง 3 อย่างนี้  บุคคลย่อมได้ลำบากยากเย็น
จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

กิจฺเฉน   มนุสฺสปฺปฏิลาโภ
กิจฉํ  มจฺจานชีวิตํ
กิจฺฉํ  สทฺธมฺมสฺสวนํ
กิจฺโฉ  พุทฺธานมุปฺปาโท 

ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์  เป็นการยาก
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย  เป็นอยู่ยาก
การฟังพระสัทธรรม  เป็นของยาก
การที่อุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
เป็นการยาก.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  เหล่าสัตว์  8  หมื่น  4 พัน  ได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว. ฝ่ายนาคราชน่าจะได้โสดาปัตติผลในวันนั้น แต่ก็ไม่ได้เพราะเป็นสัตว์ดิรัจฉาน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น