01. เรื่องพระเมฆิยเถระ
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ที่ภูเขาจาลิกา ทรงปรารภท่านพระเมฆิยะ ตรัสพระธรรมบท
พระคาถาที่ 32 และพระคาถาที่ 34
นี้
ในขณะนั้น
พระเมฆิยเถระเป็นพระอุปัฏฐากพระศาสดา
มีอยู่ครั้งหนึ่งหลังจากกลับจากบิณฑบาตมา พระ
เถระเห็นสวนมะม่วงมีความร่มรื่นและสวยงาม
มีความคิดว่าเป็นสถานที่เหมาะที่จะปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน พระเถระได้ทูลขอพระอนุญาตจากพระศาสดาที่จะไป ณ
ที่นั้น
แต่ด้วยว่าขณะนั้นพระศาสดาประทับอยู่ตามลำพัง
พระองค์จึงตรัสว่าให้รออยู่ก่อนจนกว่าจะมีภิกษุอื่นเดินทางมาถึง แต่พระเถระรีบร้อนที่จะไปมาก
จึงได้ทูลอ้อนวอนขอพระอนุญาตอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดพระศาสดาตรัสบอกให้ไปได้ตาความปรารถนา
ดังนั้นพระศาสดาได้ตรัสกะพระเมฆิยเถระว่า
จิตดิ้นรน กลับกลอกง่าย บุคคลพึงควบคุมจิตของตนให้ดี
จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 33
และพระคาถาที่ 34 ว่า
ผนฺทนํ จปลํ จิตฺตํ
ทุรกฺขํ ทุนฺนิวารยํ
อุชุ กโรติ เมธาวี
อุสุกาโ ว เตชนํฯ
จิตดิ้นรน กลับกลอก
รักษายาก ห้ามยาก
ผู้มีปัญญาทำให้ตรงได้
เหมือนช่างศรดัดลูกศร.
วาริโชว ถเล ขิตโต
โอกโมกตอุพฺภโต
ปริผนฺทติทํ จิตฺตํ
มารเธยฺยํ ปหาตเวฯ
เมื่อถูกนำออกจากกามคุณ
เพื่อจะละบ่วงของมาร
เหมือนกับปลาดิ้นรน
เมื่อถูกยกขึ้นจากน้ำมาไว้บนตก
ดิ้นรนเพื่อจะกลับคืนสู่น้ำอีก.
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง
พระเมฆิยเถระได้บรรลุพระโสดปัตติผล
ส่วนชนเหล่าอื่นเป็นอันทาก ก็ได้บรรลุพระอริยผล มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น