04เรื่องนางกาลียักษิณี
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ที่พระเชตวัน
กรุงสาวัตถี
ทรงปรารภหญิงที่เป็นหมันผู้หนึ่งกับหญิงคู่แข่งของนาง ตรัสพระธรรมบท
พระคาถาที่ 5 นี้
ครั้งหนึ่งมีคฤหบดีผู้หนึ่งมีภรรยาเป็นหมัน ต่อมาเขาได้นำหญิงอีกคนหนึ่งมาเป็นภรรยา เหตุการณ์โกลาหลเกิดขึ้นเมื่อภรรยาคนอายุมากนำยาแท้งลูกมาให้ภรรยาคนอายุน้อยกิน
จนกระทั่งภรรยาอายุน้อยตกเลือดเสียชีวิตไปในที่สุด ในชาติต่อมา
หญิงทั้งสองคนนี้ก็ตามล้างตามผลาญกันอีก โดยหญิงคนหนึ่งเกิดเป็นไก่ ส่วนหญิงอีกคนหนึ่งเกิดเป็นแมว อีกชาติต่อมาเมื่อหญิงคนหนึ่งเกิดเป็นเนื้อสมัน
หญิงอีกคนหนึ่งเกิดเป็นนางเสือดาว
และในที่สุดคนหนึ่งมาเกิดเป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงสาวัตถี
ส่วนอีกคนหนึ่งมาเกิดเป็นทางยักษิณี
นางยักษิณีตนนี้มีชื่อว่านางกาลียักษิณี
ได้ไล่ติดตามหญิงบุตรสาวของเศรษฐีที่อุ้มบุตรอยู่ในวงแขน เมื่อนางผู้ถูกไล่ติดตามนี้ทราบว่าพระศาสดาประทับอยู่กำลังทรงแสดงธรรมอยู่ที่วัดพระเชตวัน
จึงวิ่งหนีไปทางนั้นแล้วนำบุตรที่อุ้มมาไปวางลงที่เบื้องบาทของพระศาสดา
นางกาลียักษิณีถูกเทวดาผู้รักษาประตูพระเชตวันสกัดไว้ที่ประตูมาไม่ยอมให้เข้าไป แต่ต่อมาพระศาสดาได้อนุญาตให้นางเข้าไปได้
และทั้งสองคนคือหญิงที่เป็นมนุษย์กับหญิงที่เป็นยักษ์ก็ได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระศาสดา
โดยพระศาสดาได้ตรัสเล่าเรื่องที่ทั้งสองเคยล้างผลาญกันมาในในอดีตชาติ
ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นภรรยาของสามีคนเดียวกัน เป็นแมวและเป็นแม่ไก่
เป็นเนื้อสมันและเป็นนางเสือดาว
หญิงทั้งสองถูกอบรมสั่งสอนให้เห็นว่าเวรมีแต่จะก่อเวร
เวรจะระงับได้ด้วยมิตรภาพ
การเข้าใจและไมตรีเท่านั้น
จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 5
นี้
น หิ เวเรน เวรานิ
สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ
อเวเรน จ สมฺมนฺติ
เอส ธมฺโม สนนฺตโนฯ
แต่ไหนแต่ไรมา ในโลกนี้
เวรไม่มีวันระงับด้วยการจองเวร
แต่ระงับได้ด้วยการไม่จองเวร
ข้อนี้เป็นสนาตนธรรม.
เมื่อเทศนาจบลง นางยักษิณีได้บรรลุพระโสดาบัน และพระธรรมเทศนาได้มีประโยชน์มากแก่บริษัทที่มาประขุมกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น