วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อัปปมาทวรรค 06.เรื่องภิกษุ 2 สหาย



06. เรื่องภิกษุ 2 สหาย

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุ 2 สหาย  ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที
9 นี้

ภิกษุ 2 รูปหลังจากรับพระกัมมัฏฐานจากพระศาสดาแล้วก็ไปอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในป่า  รูปหนึ่งมัวแต่ประมาทใช้เวลาให้หมดไปด้วยการผิงไฟและพูดคุยกับสามเณรหนุ่มๆตลอดยามหนึ่ง พอถึงยามที่สองก็เอาแต่นอนหลับ ส่วนภิกษุอีกรูปหนึ่งกระทำหน้าที่ของพระภิกษุอย่างแข็งขัน  พระภิกษุรูปนี้กระทำกัมมัฏฐานในยามแรก พักผ่อนในยามที่สอง และลุกขึ้นมากระทำกัมมัฏฐานอีกในยามสุดท้าย   ด้วยเหตุที่ภิกษุรูปที่สองนี้มีความขยันขันแข็งและไม่ประมาทจึงสามารถบรรลุพระอรหัตตผลได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

เมื่อออกพรรษาปวารณาแล้ว พระภิกษุทั้งสองรูปนี้ก็ได้เดินทางกลับไปเฝ้าพระศาสดา  และพระศาสดาได้ทรงสอบถามว่าในระหว่างพรรษาท่านทั้งสองรูปใช้เวลาให้หมดไปด้วยการทำอะไรบ้าง  พระภิกษุรูปที่เกียจคร้านและประมาทนั้นตอบว่า ภิกษุสหายของตนมีแต่เกียจคร้านเอาแต่นอนหลับ เมื่อพระศาสดาตรัสถามว่า แล้วตัวเธอเล่า ?”   ก็ได้กราบทูลว่า ปกติแล้วตนจะนั่งผิงไฟในยามต้นและต่อจากนั้นก็จะลุกขึ้นมานั่งไม่นอน  แต่พระศาสดาทรงทราบเป็นอย่างดีว่าภิกษุทั้งสองรูปใช้เวลาในแต่ละวันให้หมดไปกันอย่างไรบ้าง  ดังนั้นพระศาสดาจึงตรัสกับพระรูปที่เกียจคร้านว่า แม้ว่าเธอเกียจคร้านและประมาทแต่เธอก็ยังมาอ้างว่าตัวเองขยันไม่ประมาท  และเธอมาใส่ความภิกษุอีกรูปหนึ่งว่าเกียจคร้านและประมาททั้งๆที่เขามีความขยันและไม่ประมาท เธอนั่นแหละเป็นเหมือนม้าอ่อนแอวิ่งช้าเมื่อเทียบกับบุตรของเราที่เหมือนกับม้าแข็งแรงวิ่งเร็ว

จากนั้นพระศาสดาตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 29 ว่า

อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสุ
สตฺเตสุ พหุชาคโร
อพลสฺสํ ว สีฆสฺโส
หิตฺวา ยาติ สุเมธโสฯ

ผู้มีปัญญาดี ไม่ประมาท เมื่อคนอื่นหลับก็จะตื่น
เขาจึงทิ้งคนอื่นไป
เหมือนม้าฝีเท้าเร็วทิ้งม้าวิ่งช้าไว้เบื้องหลัง.

เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย  มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น