วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พาลวรรค: 07.เรื่องสุปปพุทธกุฏฐิ



07. เรื่องสุปปพุทธกุฏฐิ

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภบุรุษโรคเรื้อน ชื่อสุปปพุทธะ  ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 66 นี้

นายสุปปพุทธะ ผู้เป็นโรคเรื้อน ขณะที่ฟังธรรมของพระศาสดาอยู่ที่ข้างท้ายพุทธบริษัท ได้ตั้งใจฟังมากจนได้บรรลุพระโสดาปัตติผล เมื่อพุทธบริษัททั้งหลายแยกย้ายเดินทางกลับบ้านกันหมดแล้ว สุปปพุทธะได้ติดตามพระศาสดาไปที่วัดพระเชตวัน เพราะต้องการจะกราบทูลว่า ตนได้บรรลุพระโสดาปัตติผลแล้ว  ท้าวสักกะเทวราช มีความประสงค์จะทดสอบศรัทธาของสุปปพุทธะที่มีต่อพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ว่ามั่นคงขนาดไหน  จึงได้เสด็จไปยืนในอากาศแล้วตรัสว่า สุปปพุทธะ ท่านเป็นคนขัดสน เป็นคนยากไร้   เราจะให้ทรัพย์มากมายแก่ท่าน ท่านจงกล่าวว่า พระพุทธไม่ใช่พระพุทธ  พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์  เราขอปฏิเสธประโยชน์ของพระพุทธ  เราขอปฏิเสธประโยชน์ของพระธรรม  เราขอปฏิเสธประโยชน์ของพระสงฆ์สุปปพุทธะตอบว่า เราไม่ใช่คนเข็ญใจ  เป็นคนขัดสน เป็นคนไร้ที่พึ่ง เป็นคนกำพร้า  เราเป็นคนรวย  เรามีทรัพย์ 7 ประการที่พระอริยเจ้าทั้งหลายมี คือ  1.ทรัพย์คือศรัทธา 2.ทรัพย์คือศีล  3.ศัพท์คือหิริ  4.ทรัพย์คือโอตตัปปะ   5.ทรัพย์คือสุตะ 6.ทรัพย์คือจาคะ 7.ทรัพย์คือปัญญา

ท้าวสักกะ ทรงสดับคำของสุปปพุทธะนั้นแล้ว ก็ได้เสด็จล่วงหน้าไปเฝ้าพระศาสดาและกราบทูลเรื่องที่ทรงสนทนากับสุปปพุทธะให้ทรงทราบ พระศาสดาจึงตรัสกับท้าวสักกะว่า ท้าวสักกะ ทั้งร้อยทั้งพันแห่งคนทั้งหลายผู้เช่นกับพระองค์ ไม่อาจเพื่อจะให้สุปปพุทธะกล่าวว่า  พระพุทธไม่ใช่พระพุทธ พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์  ต่อมาสุปปพุทธะก็ตามมาที่วัดพระเชตวัน และได้กราบทูลเรื่องที่ตนบรรลุพระโสดาบันให้ทรงทราบ  ในระหว่างเดินทางกลับสุปปพุทธะได้ถูกโคแม่ลูกอ่อนที่ถูกนางยักษิณีเข้าสิงขวิดตาย   นางยักษิณีนี้ก็คือนางโสเภณีที่เคยถูกสุปปพุทธะสังหารในอดีตชาติและนางเคยตั้งสัจอธิษฐานก่อนตายว่าจะทำการแก้แค้น ขอเราพึงเป็นยักษิณี  ผู้สามารถเพื่อฆ่าชนเหล่านั้น เหมือนอย่างที่พวกนี้ฆ่าเราฉะนั้นเหมือนกัน  เมื่อข่าวการเสียชีวิตของสุปปพุทธะไปถึงวัดพระเชตวัน พวกภิกษุได้ทูลถามพระศาสดาว่า สุปปพุทธกุฏฐิไปเกิดที่ใด พระศาสดาตรัสตอบว่า สุปปพุทธกุฏฐิไปเกิดในเทวโลกชั้นดาวดึงส์  พระศาสดายังได้ทรงอธิบายแก่ภิกษุทั้งหลายด้วยว่า ที่สุปปพุทธกุฏฐิเป็นโรคเรื้อนนั้นก็เพราะในอดีตชาติหนึ่งเคยบ้วนน้ำลายต่อหน้าพระตครสิขีปัจเจกพุทธเจ้า

จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 66 ว่า

จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา
อมิตฺเตเนว อตฺตนา
กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ
ยํ โหติ กฏุกปฺปกํฯ

คนโง่ ปัญญาทราม
มีตนเป็นเหมือนศัตรู
เที่ยวทำกรรมชั่ว
มีผลเผ็ดร้อน.
          
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย  มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น