07. เรื่องสุปปพุทธกุฏฐิ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภบุรุษโรคเรื้อน ชื่อสุปปพุทธะ ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 66
นี้
นายสุปปพุทธะ ผู้เป็นโรคเรื้อน
ขณะที่ฟังธรรมของพระศาสดาอยู่ที่ข้างท้ายพุทธบริษัท
ได้ตั้งใจฟังมากจนได้บรรลุพระโสดาปัตติผล
เมื่อพุทธบริษัททั้งหลายแยกย้ายเดินทางกลับบ้านกันหมดแล้ว
สุปปพุทธะได้ติดตามพระศาสดาไปที่วัดพระเชตวัน เพราะต้องการจะกราบทูลว่า
ตนได้บรรลุพระโสดาปัตติผลแล้ว
ท้าวสักกะเทวราช มีความประสงค์จะทดสอบศรัทธาของสุปปพุทธะที่มีต่อพระพุทธ
พระธรรม และพระสงฆ์ว่ามั่นคงขนาดไหน
จึงได้เสด็จไปยืนในอากาศแล้วตรัสว่า “สุปปพุทธะ
ท่านเป็นคนขัดสน เป็นคนยากไร้
เราจะให้ทรัพย์มากมายแก่ท่าน ท่านจงกล่าวว่า พระพุทธไม่ใช่พระพุทธ พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์ เราขอปฏิเสธประโยชน์ของพระพุทธ เราขอปฏิเสธประโยชน์ของพระธรรม เราขอปฏิเสธประโยชน์ของพระสงฆ์” สุปปพุทธะตอบว่า
“เราไม่ใช่คนเข็ญใจ เป็นคนขัดสน เป็นคนไร้ที่พึ่ง
เป็นคนกำพร้า เราเป็นคนรวย เรามีทรัพย์ 7
ประการที่พระอริยเจ้าทั้งหลายมี คือ 1.ทรัพย์คือศรัทธา
2.ทรัพย์คือศีล
3.ศัพท์คือหิริ
4.ทรัพย์คือโอตตัปปะ 5.ทรัพย์คือสุตะ 6.ทรัพย์คือจาคะ
7.ทรัพย์คือปัญญา
ท้าวสักกะ ทรงสดับคำของสุปปพุทธะนั้นแล้ว
ก็ได้เสด็จล่วงหน้าไปเฝ้าพระศาสดาและกราบทูลเรื่องที่ทรงสนทนากับสุปปพุทธะให้ทรงทราบ
พระศาสดาจึงตรัสกับท้าวสักกะว่า “ท้าวสักกะ
ทั้งร้อยทั้งพันแห่งคนทั้งหลายผู้เช่นกับพระองค์
ไม่อาจเพื่อจะให้สุปปพุทธะกล่าวว่า
พระพุทธไม่ใช่พระพุทธ พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์” ต่อมาสุปปพุทธะก็ตามมาที่วัดพระเชตวัน
และได้กราบทูลเรื่องที่ตนบรรลุพระโสดาบันให้ทรงทราบ ในระหว่างเดินทางกลับสุปปพุทธะได้ถูกโคแม่ลูกอ่อนที่ถูกนางยักษิณีเข้าสิงขวิดตาย
นางยักษิณีนี้ก็คือนางโสเภณีที่เคยถูกสุปปพุทธะสังหารในอดีตชาติและนางเคยตั้งสัจอธิษฐานก่อนตายว่าจะทำการแก้แค้น
“ขอเราพึงเป็นยักษิณี ผู้สามารถเพื่อฆ่าชนเหล่านั้น
เหมือนอย่างที่พวกนี้ฆ่าเราฉะนั้นเหมือนกัน” เมื่อข่าวการเสียชีวิตของสุปปพุทธะไปถึงวัดพระเชตวัน
พวกภิกษุได้ทูลถามพระศาสดาว่า สุปปพุทธกุฏฐิไปเกิดที่ใด พระศาสดาตรัสตอบว่า
สุปปพุทธกุฏฐิไปเกิดในเทวโลกชั้นดาวดึงส์
พระศาสดายังได้ทรงอธิบายแก่ภิกษุทั้งหลายด้วยว่า ที่สุปปพุทธกุฏฐิเป็นโรคเรื้อนนั้นก็เพราะในอดีตชาติหนึ่งเคยบ้วนน้ำลายต่อหน้าพระตครสิขีปัจเจกพุทธเจ้า
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 66
ว่า
จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา
อมิตฺเตเนว อตฺตนา
กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ
ยํ โหติ กฏุกปฺปกํฯ
คนโง่ ปัญญาทราม
มีตนเป็นเหมือนศัตรู
เที่ยวทำกรรมชั่ว
มีผลเผ็ดร้อน.
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก
ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย
มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น